แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทำสัญญาขายที่ดินและบ้านเรือนให้เขา โดยได้รับเงินมัดจำไว้จำนวนหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่สามารถโอนให้ผู้ซื้อภายในกำหนดตามสัญญาได้ เพราะมีเหตุขัดข้อง เจ้าพนักงานยังไม่ยอมทำโอนให้ภายในกำหนดสัญญาผู้ขายได้แสดงความจำนงให้ผู้ซื้อครอบครองที่ ที่ จะซื้อไปก่อนผู้ซื้อไม่ยอมดังนี้ จะถือว่าผู้ขายเป็นฝ่ายผิดนัดไม่ได้
ผู้รับมัดจำขอคืนเงินมัดจำแล้วอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับดังนี้ จะฟ้องขอให้ผู้รับมัดจำเสียดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นมาไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาซื้อขายที่ดินและบ้านเรือน โดยจำเลยไม่ทำการโอนที่ดินและบ้านเรือนให้โจทก์ให้เสร็จตามสัญญาภายในวันที่ 31 มีนาคม 2489 จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 2,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องและใช้ชำระค่าปรับตามสัญญาแก่โจทก์ 8,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยให้โจทก์รับเงินมัดจำ 2,000 บาท คืนจากจำเลยได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่าเมื่อโจทก์จำเลยทำสัญญากันแล้ว จำเลยได้ไปขอให้เจ้าพนักงานทำนิติกรรม แต่ขัดข้องด้วยเหตุจะต้องได้โฉนดจากกรมมาก่อน กระนั้นแล้ว จำเลยยังแสดงความจำนงให้โจทก์เข้าครอบครองที่ ๆ จะซื้อไปก่อน หากโจทก์ไม่ยอมดังนี้จะถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดนัดไม่ได้
ส่วนดอกเบี้ยในเงินมัดจำ ก็ปรากฏว่าจำเลยได้มีหนังสือให้โจทก์รับคืน โจทก์ไม่มารับและจำเลยไม่ใช่เป็นฝ่ายผิดนัด จำเลยจึงไม่ต้องเสียดอกเบี้ยตาม มาตรา 224 จึงพิพากษายืน