คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องขอให้แสดงว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะอันจำเลยมีภารจำยอมตามกฎหมายและขอให้เปิดทางนั้นตามเดิม เมื่อได้ความว่าทางพิพาทมิใช่ทางหลวง แต่ตกอยู่ในภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ศาลก็ย่อมพิพากษาให้จำเลยเปิดทางเดินนั้นได้
ทางเดินอันมีภารจำยอมนั้น แม้เจ้าของที่ดินภารยทรัพย์จะเปิดทางเดินให้ใหม่ แต่ทำให้ความสะดวกของผู้เป็นเจ้าของสามยทรัพย์ลดน้อยลง เจ้าของสามยทรัพย์ก็มีอำนาจฟ้องขอให้เปิดทางตามเดิมได้ เพราะไม่ใช่ทางจำเป็นและขัดด้วยมาตรา 1392

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะอันจำเลยมีภารจำยอมตามกฎหมายโดยโจทก์และบุคคลอื่นใช้เดินไปมาช้านานประมาณ 30 ปีเศษแล้วจำเลยกั้นรั้วปิดทางเดินรายนี้เสีย จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าทางรายนี้เป็นทางหลวงหรือทางสาธารณะอันจำเลยมีภารจำยอมตามกฎหมายและบังคับให้จำเลยเปิดทางนี้ให้โจทก์เดินไปมาสะดวกอย่างเดิม

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยเปิดทางเดินพิพาท

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ทางพิพาทนี้มิใช่ทางหลวงแต่ตกเป็นทางอันมีภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387, 1401 และ 1382 การที่จำเลยเปิดทางเดินให้ใหม่เป็นการเปลี่ยนย้ายนั้น ได้ความว่า เป็นการทำให้ความสะดวกของโจทก์ผู้เป็นเจ้าของสามยทรัพย์ลดน้อยลง เป็นการขัดต่อมาตรา 1392 จำเลยทำดังนั้นไม่ได้ จึงพิพากษายืน

Share