แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ขอแก้ฟ้องเฉพาะวันเวลากระทำผิดภายหลังที่จำเลยยื่นคำให้การแล้ว แต่ก่อนสืบพยานนั้น ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ และสำเนาคำร้องขอแก้ฟ้อง ส่งให้ทนายจำเลยรับแทนได้
คดีที่จำเลยให้การปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่ เมื่อภายหลังโจทก์ขอแก้ฟ้องวันกระทำผิดซึ่งจำเลยทราบแล้วมิได้ขอให้การใหม่ ทั้งจำเลยยังอ้างตัวเองเบิกความต่อสู้ตามวันที่โจทก์ขอแก้ใหม่ ดังนี้ ถือว่าจำเลยให้การต่อสู้คดี และทำการสืบตามวันที่โจทก์ขอแก้ใหม่เต็มภูมิแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2491 จำเลยได้สมคบกันลักกระบือ 1 ตัวไป หรือมิฉะนั้นในระหว่างวันที่ 17 มีนาคม 2491 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2491 จำเลยได้สมคบกันรับของโจรกระบือนั้นจำเลยให้การปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่และสู้กรรมสิทธิ์กระบือของกลางภายหลังที่จำเลยยื่นคำให้การแล้ว ก่อนวันสืบพยานโจทก์ ๆ ได้ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้อง คำว่า วันที่ 17 ทั้ง 2 แห่งเป็นวันที่ 7 ศาลอนุญาตให้แก้จำเลยคัดค้านว่ายื่นคำให้การสู้คดีแล้ว อาจเสียเปรียบ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกันว่า ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ พิพากษาให้จำคุกคนละ 2 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 294
จำเลยทั้ง 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การแก้วันเวลากระทำผิด เป็นการแก้รายละเอียดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ซึ่งมาตรา 164อนุญาตให้แก้ได้ มิให้ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบและไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ เพราะโจทก์ได้ร้องขอให้แก้ตั้งแต่ก่อนมีการสืบพยานส่วนข้อที่ว่าจะต้องส่งสำเนาให้จำเลย และให้จำเลยให้การแก้คดีใหม่หรือไม่นั้น ปรากฏว่า ทนายจำเลยได้ลงชื่อรับสำเนาคำร้องขอแก้ฟ้องรุ่งขึ้นจำเลยก็คัดค้านหาได้ขอแก้คำให้การไม่ เพราะคำให้การของจำเลยดังกล่าวใช้ได้ผลตลอดไปถึงคำฟ้องที่ขอแก้ใหม่ และจำเลยไได้อ้างตัวเองเบิกความถึงฐานที่อยู่ตามวันที่โจทก์ขอแก้ใหม่นั้นเองถือว่าจำเลยให้การต่อสู้คดีและนำสืบตามวันที่โจทก์ขอแก้ใหม่เต็มภูมิแล้ว
พิพากษายืน