คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยติดตามพบภรรยาจำเลยอยู่กับผู้ตาย จำเลยขอให้กลับภรรยาก็ยอมกลับ ผู้ตายถืออาวุธตามมาและพูดว่าจะฟันจำเลย จำเลยเลี่ยงเข้าไปในโรงนางส้มลิ้ม ผู้ตายยังขืนเข้าไปประจันหน้าจำเลยด้วยวิธีทวงหนี้ จำเลยใช้หนี้แล้ว ผู้ตายก็ยังไม่กลับ ทำให้ภรรยาจำเลยเลี่ยงไป จำเลยได้ทำร้ายผู้ตายในทันใดที่กลับจากตามภรรยาไม่พบ ดังนี้การกระทำของจำเลยกระทำไปด้วยโทสะที่บันดาลขึ้นจากกิริยาของผู้ตาย อันควรได้ลดโทษฐานยั่วโทสะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่านายจ๊อดตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 จำเลยให้การว่า ผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาจำเลย จำเลยติดตามพาภรรยาจำเลยกลับบ้าน ผู้ตายถือมีดเหรียญตามมาจะทำร้าย จำเลยหนีเข้าไปอาศัยในโรงนางส้มลิ้ม ผู้ตายติดตามเข้ามาอีกและจะใช้มีดฟันจำเลย จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไป 1 ทีมิได้มีเจตนาจะฆ่าให้ตาย จำเลยทำไปโดยป้องกันชีวิตและร่างกายของจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องและลดฐานปรานีคงจำคุก 12 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยตามภรรยามาพบอยู่กับผู้ตายจำเลยขอให้กลับ ภรรยายอมกลับผู้ตายถืออาวุธตามมาและพูดว่าจะฟันจำเลยเลี่ยงเข้าไปในโรงนางส้มลิ้ม ผู้ตายยังขืนเข้าไปประจันหน้าจำเลยด้วยวิธีทวงหนี้ จำเลยใช้แล้ว ผู้ตายก็ยังไม่กลับ ทำให้ภรรยาจำเลยเลี่ยงไป จำเลยได้ทำร้ายผู้ตายในทันใดที่กลับจากตามภรรยาไม่พบ การกระทำของจำเลยเป็นการถูกยั่วโทสะ จึงให้ลดโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 55 กึ่งหนึ่ง คงเหลือ 9 ปี ลดฐานปรานี 1 ใน 3 คงจำคุก 6 ปี

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาเมื่อพิเคราะห์ตามพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่ผู้ตายกระทำไป พอฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำไปโดยถูกยั่วโทสะ สมควรได้ลดหย่อนผ่อนโทษ

พิพากษายืน

Share