แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีเกิดความเสียหายขึ้นเพราะสัตว์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433 นั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่าผู้เลี้ยงและเจ้าของกระบือได้ทำละเมิด ทำให้กระบือของตนขวิดกระบือของโจทก์เสียหายถึงตาย เช่นนี้ ก็เป็นฟ้องอันชัดแจ้ง และแสดงเหตุแห่งข้อหาอย่างบริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องบรรยายว่า จำเลยกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องบรรยายว่า จำเลยเป็นผู้ล่ามเลี้ยงและเป็นเจ้าของกระบือผู้ถึก ได้ละเมิดทำให้กระบือของจำเลยขวิดทำร้ายกระบือของโจทก์ ซึ่งผูกล่ามเลี้ยงไว้ในนาถูกที่ท้องทะลุในกระบือของโจทก์ได้ตายเพราะบาดแผลนั้น จึงขอให้จำเลยใช้ค่ากระบือและค่าเสียหายรวม 1,000 บาท
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้ว วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ปล่อยให้กระบือของจำเลยชนกระบือของโจทก์ตาย ไม่บรรยายข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรค 2 จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษา ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการพิจารณาสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433 เจ้าของสัตว์หรือผู้เลี้ยงรักษาสัตว์ ที่เป็นฝ่ายทำให้เสียหายจะต้องรับผิดเสมอ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า ตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์ ตามฟ้องของโจทก์ในคดีนี้กล่าวไว้ชัดว่าจำเลยเป็นผู้เลี้ยงและเป็นทั้งเจ้าของกระบือ ได้ทำละเมิดทำให้กระบือของจำเลยขวิดกระบือของโจทก์เสียหายถึงแก่ความตาย เป็นฟ้องอันชัดแจ้งแสดงเหตุแห่งข้อหาอย่างบริบูรณ์แล้ว จึงพิพากษาให้ยกฎีกา