แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฟ้องเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158 นั้น เป็นเรื่องแกล้งเอาความที่รู้อยู่ว่าเป็นความเท็จไปร้องเรียน หรือฟ้องกล่าวโทษผู้อื่นการร้องเรียนหรือฟ้องกล่าวโทษนี้มุ่งหมายถึงการร้องเรียนหรือฟ้องกล่าวโทษในทางอาญา(อ้างฎีกาที่ 434-435/2472 และ38/2491) ถ้าเป็นฟ้องเท็จในทางแพ่ง ยังไม่เป็นผิดตามมาตรานี้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158และเรียกค่าเสียหาย 8000 บาท โดยกล่าวว่าจำเลย ได้ฟ้องโจทก์ในคดีแพ่งดำที่ 44/2492 ข้อความที่กล่าวในฟ้องหาว่า โจทก์ใช้อุบายหลอกลวงให้จำเลยเข้าทำสัญญาระหว่างจำเลยกับนางค่ายความจริงโจทก์ไม่ได้ใช้อุบายหลอกลวงหรือบังคับดังที่จำเลยฟ้องการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ซึ่งเป็นกำนันถูกคนดูหมิ่นเกลียดชัง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษทางอาญาอย่างเดียว
ศาลอุทธรณ์ เห็นว่าการฟ้องเท็จตามมาตรา 158 จะต้องฟ้องในคดีอาญา ไม่ใช่คดีแพ่งดั่งที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้อง จึงพิพากษายืนในข้อที่ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ว่าการฟ้องเท็จจะเป็นฟ้องทางแพ่งหรืออาญาก็มีผิด
ศาลฎีกา เห็นว่ากฎหมายลักษณะอาญามาตรา 158 ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยนั้น เป็นเรื่องแกล้งเอาความที่รู้อยู่ว่าเป็นความเท็จไปร้องเรียนหรือฟ้องกล่าวโทษผู้อื่น การร้องเรียนหรือฟ้องกล่าวโทษผู้อื่น การร้องเรียนหรือฟ้องกล่าวโทษนี้ มุ่งหมายถึงการร้องเรียนหรือฟ้องกล่าวโทษในทางอาญา ตามคำพิพากษาที่ 434-435/2472 จึงพิพากษายืน