แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฟ้องซ้ำเป็นเรื่องเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ศาลชอบที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง เนื่องด้วยจำเลยกระทำละเมิดสมคบกันเอาที่ของโจทก์ไปขายศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีตามคำขอแล้ว ผลจึงเป็นว่าโจทก์ได้ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนในการทำละเมิดของจำเลยที่ได้ทำมาแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องเรื่องละเมิดเดิมนี้ โดยเรียกค่าสินไหมทดแทนที่ยังไม่ได้เรียกร้องไว้ จึงเป็นการฟ้องซ้ำ
(อ้างฎีกาที่ 957/2492)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ขุนบรรณนิธิบิดาโจทก์ได้ฝากนาให้นายขาวจำเลยที่ 1 ดูแลรักษาและให้ทำข้าวแบ่งปันกัน เมื่อ พ.ศ. 2488 จำเลยที่ 1 ได้ลอบเอานาที่ฝากไปทำสัญญาขายฝากไว้แก่นายเซ่งจำเลยที่ 2 บิดาโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องในที่นา ระหว่างพิจารณาบิดาโจทก์ตาย โจทก์เป็นผู้รับมรดกความ ในที่สุดศาลพิพากษาห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องในที่นาตามคดีแดงที่ 44/2489 นับตั้งแต่ พ.ศ. 2488 ตลอดมาจนถึงเดือนธันวาคม 2491จำเลยได้ทำนารับประโยชน์ 3 ปี ไม่ยอมให้โจทก์ทำนาและขัดขวางมิให้เกี่ยวข้อง เป็นเหตุให้โจทก์ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้เป็นเงิน 11,250 บาท จึงขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายนี้
จำเลยต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีขาดอายุความ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ได้ฟ้องจำเลยคนเดียวกันนี้ ในคดีนี้ก่อนครั้งหนึ่งแล้ว หาว่าจำเลยกระทำการละเมิดสมคบกันซื้อและขายที่นาของโจทก์รายนี้ด้วยเจตนาจะโกงโจทก์เป็นแต่ในคดีก่อนโจทก์หาได้ฟ้องเรียกค่าที่ขาดประโยชน์ในการที่ไม่ได้ทำนาด้วยไม่ คงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นที่ของโจทก์ และห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องศาลก็ได้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีตามคำขอของโจทก์แล้ว ผลจึงเป็นว่าโจทก์หรือผู้เสียหายได้เรียกคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายไปต้องเสียไปเพราะการละเมิดนั้นแล้ว หรือนัยหนึ่งว่าโจทก์ได้ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ได้ทำมาแล้ว การที่โจทก์กลับมารื้อฟื้นเรื่องละเมิดเดิมมาฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนที่ยังไม่ได้เรียกร้องไว้ จึงเป็นการฟ้องซ้ำ ฟ้องแล้วฟ้องอีกในกรณีละเมิดอันเดียวกันนั้นเอง ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 957/2492
จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์