คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้ากว่ากำหนดตามกฎหมายไป 2 วัน แต่หาใช่เป็นโดยโจทก์จงใจฝ่าฝืนประการใดไม่ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขออนุญาต และยื่นคำขอให้ศาลออกหมายเรียกพยาน ศาลก็ออกหมายเรียกพยานให้ตามคำขอแล้ว ทั้งจำเลยก็ยังมิได้สืบพยาน ดังนี้ มีเหตุผลสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะสั่งรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้ได้ (อ้างฎีกาที่ 1830/2492,148/2496)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้แบ่งทรัพย์มรดก

จำเลยให้การต่อสู้ว่า ผู้ตายทำพินัยกรรม ยกทรัพย์ให้จำเลย

ครั้นวันที่ 26 พฤษภาคม 2495 โจทก์ยื่นคำร้องว่า เรื่องนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 28 พฤษภาคม 2495 โจทก์ได้เตรียมทำบัญชีระบุพยานมายื่นต่อศาลในวันที่ 24 แล้ว แต่เผอิญเป็นวันเสาร์ทนายโจทก์มัวยุ่งกับการขอประกัน เลยยื่นบัญชีระบุพยานในวันนั้นไม่ทัน รุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ โจทก์จึงนำมายื่นในวันจันทร์ขอความกรุณาสั่งรับไว้ด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า “สำเนาให้จำเลย” และสั่งในบัญชีระบุพยานว่า “รวม” ในวันเดียวกันนั้นเอง โจทก์ร้องขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานบุคคลและเอกสารตามบัญชีระบุพยานศาลก็ได้ออกหมายเรียกให้ และทางกรมการอำเภอเมืองแพร่ก็ได้ส่งเอกสารตามหมายเรียกแล้วแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2495

ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยแถลงคัดค้านว่า โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเกินเวลา ศาลชั้นต้นจึงสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานโจทก์ และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ แล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า กรณีมีเหตุผลอันสมควร เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงสั่งให้รับบัญชีระบุพยานโจทก์ไว้ ฯลฯ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกา เห็นว่า ตามพฤติการณ์ในฟ้องสำนวนคดีนี้ เห็นว่าการที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้าไปเพียง 2 วัน หาใช่เป็นไปโดยจงใจฝ่าฝืนประการใดไม่ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขออนุญาต และยื่นคำขอให้ศาลออกหมายเรียกพยาน ศาลก็ออกหมายเรียกพยานให้ตามคำขอแล้ว ทั้งฝ่ายจำเลยก็ยังมิได้สืบพยาน ดังนี้ ตามรูปคดีมีเหตุผลสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 วรรคสอง

จึงพิพากษายืน

Share