แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ลูกจ้างขับรถยนต์ไปส่งนายจ้างลงรับประทานอาหาร แล้วลูกจ้างขับรถยนต์นั้นไปที่อื่นโดยพลการมิได้รับความยินยอมจากนายจ้าง แล้วไปชนคนตาย ดังนี้นายจ้างไม่ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างด้วย
ทั้งลูกจ้างและนายจ้างให้การปฏิเสธ และนำสืบปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นลูกจ้างนายจ้างซึ่งกันและกันตอนหนึ่ง และอีกตอนหนึ่งว่าขณะชนคนตายลูกจ้างขับรถยนต์ไปในกิจส่วนตัวของลูกจ้างไม่ใช่ไปตามทางการที่จ้าง ดังนี้แม้ศาลจะไม่เชื่อคำพยานตอนที่อ้างว่าไม่เป็นนายจ้างลูกจ้างกันก็ดี ศาลก็ยังเชื่อคำพยานตอนที่ว่าขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในทางการที่จ้างกันได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ตามหน้าที่ ชนนางสาวลัดดา บุตรีโจทก์ถึงแก่ความตาย ทั้งนี้โดยความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 จึงขอให้จำเลยทั้ง 2 รับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองปฏิเสธว่ามิได้เป็นลูกจ้างนายจ้างซึ่งกันและกันจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ไปกิจธุระส่วนตัวจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ไม่รู้เห็นด้วย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 40,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 จริงแต่เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์พาจำเลยที่ 2 กับพวกมาแวะกินอาหารที่ร้านบางกระบือแล้ว จำเลยที่ 1 ขับรถไปที่อื่นเสียและไปชนบุตรโจทก์ตาย จำเลยที่ 1 จะขับรถไปเพื่อถ่ายอุจจาระจริงหรือไม่ไม่สำคัญ แต่ไม่ใช่ขับไปในหน้าที่ทางการงานของจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้าง จำเลยที่ 1 ขับไปโดยพละการและไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมด้วย
จึงพิพากษายืน