คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญาที่ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยประมาทตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 252 แต่จำเลยเป็นเด็ก จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางตามมาตรา 31(2) พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง นั้น จำเลยย่อมอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้ประมาทได้ ไม่ต้องห้ามตาม มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.2494

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาท ชนนางแพเรือนจันทร ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษ

ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง แต่ให้ลงโทษบทหนัก คือฐานฆ่าคนตายโดยประมาทตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 252 ให้จำคุก 1 ปี แต่จำเลยยังเป็นเด็กอายุเกิน 17 ขวบ แต่ยังไม่เกิน 20 ขวบ เห็นสมควรให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง มีกำหนด 1 ปี ตามมาตรา 31(2) พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง

จำเลยอุทธรณ์ว่ามิได้ประมาท

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดฐานขับรถจักรยานยนต์โดยมิได้รับอนุญาตให้ขับขี่ได้เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ 2473 มาตรา 33 ปรับ 100 บาท ลดกึ่งหนึ่งตามมาตรา 58 ที่แก้ไขแล้วคงปรับ 50 บาท

โจทก์ฎีกา และคงโต้แย้งว่า จำเลยอุทธรณ์ไม่ได้

ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนเห็นว่า คดีที่ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิพากษาหรือมีคำสั่งแล้ว ย่อมอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ได้ทุกคดีเว้นแต่จะเป็นกรณีเข้าข้อยกเว้น 5 ประการตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 27 คดีนี้ จำเลยอุทธรณ์โต้เถียงในข้อเท็จจริงว่า จำเลยมิได้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้องมิใช่อุทธรณ์ในกรณีที่ศาลใช้ดุลยพินิจให้ส่งตัวจำเลยไปควบคุมไว้ยังสถานพินิจ ฯลฯ เพราะฉะนั้นคดีของจำเลยจึงไม่ต้องห้ามในการอุทธรณ์

ส่วนปัญหาข้อเท็จจริง เห็นด้วยตามศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษายืน

Share