คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภรรยาตั้งร้านค้ารับจ้างตัดเสื้อโดยสามีรู้เห็นภรรยากู้เงินโดยไม่ได้รับอนุญาตของสามีสามีไม่ต้องรับผิดตามสัญญากู้เป็นส่วนตัวด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากัน ได้ร่วมกันลงทุนประกอบการค้าตั้งร้านตัดเสื้อและรับสอนวิชาตัดเสื้อใกล้สี่แยกสะพานดำ เมื่อเกิดประโยชน์จากร้านค้าจำเลยได้นำไปใช้จ่ายในครอบครัวต้น พ.ศ. 2493 ร้านค้าขาดทุน จำเลยที่ 1 ได้กู้เงินโจทก์เพื่อนำมาลงทุนในร้านค้า 3 คราว รวมเป็นเงิน 2,200 บาท โดยจำเลยที่ 2 เห็นชอบและยินยอม ครบกำหนดตามสัญญากู้จำเลยหาชำระหนี้ให้โจทก์ไม่โจทก์ทวงถามจำเลยก็เพิกเฉยเสีย จึงขอให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและชั้นพิจารณา

จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า มิได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ประกอบกิจการค้าหรือลงทุนในการนี้ ผลประโยชน์ร้านค้าของจำเลยที่ 1 ไม่เคยนำมาปะปนกับค่าอุปการะเลี้ยงดูรักษาพยาบาลครอบครัว จำเลยทั้ง 2 แยกกันอยู่ รายได้ไม่เกี่ยวข้องกันโจทก์ก็ทราบดี โจทก์กับจำเลยที่ 1 จะกู้เงินกันจริงหรือไม่ ๆ เคยทราบ และไม่เคยรับรู้หรือยินยอม จำเลยที่ 1 สุรุ่ยสุร่ายลอบทำหนี้ขึ้น จำเลยที่ 2 เคยบอกกล่าวไม่รับรู้และไม่ให้ความยินยอมในนิติกรรมของจำเลยที่ 1 มาช้านานแล้ว

ศาลแพ่งฟังว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์มาทำการค้า 3 คราว รวมเป็นเงิน 2,200 บาท โดยจำเลยที่ 2 ไม่ทราบและไม่ได้รับประโยชน์หรือเอาเงินกำไรของร้านค้ามาเป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นสำหรับครอบครัว จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชอบเป็นส่วนตัวจำเลยที่ 2 หาต้องรับผิดไม่ จึงพิพากษาให้ จำเลยที่ 1 ในฐานะส่วนตัวชำระเงินกู้ 2,200 บาท ดอกเบี้ย 143 บาท 75 สตางค์ และดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับเสียค่าธรรมเนียมค่าทนายความ 125 บาทแทนโจทก์ ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2 เสีย และให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียม ค่าทนายความ125 บาทแทนจำเลยที่ 2

โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย

ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยที่ 1 ได้กู้เงินโจทก์มาทำการค้าเป็นส่วนตัว จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดดังคำวินิจฉัยศาลแพ่ง จึงพิพากษายืน และให้โจทก์เสียค่าทนายความ 75 บาทแทนจำเลยที่ 2

โจทก์ฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและปรึกษาคดีนี้ ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากัน จำเลยที่ 1 ทำงานอยู่ในกรมรถไฟ (องค์การรถไฟ) เมื่อ พ.ศ. 2492 จำเลยที่ 1 ได้ตั้งร้านค้ารับจ้างตัดเสื้อที่สะพานดำ ด้วยความรู้เห็นของจำเลยที่ 2 ในปีนั้นได้ย้ายร้านค้าไปอยู่คนละฟากถนน ร้านค้าขาดทุนใน พ.ศ. 2493 จำเลยที่ 1 จึงได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์มา 3 คราว รวมเป็นเงิน 2,200 บาท ยอมเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ตามกฎหมาย โดยมิได้รับอนุญาตของจำเลยที่ 2 ผู้สามีในกรณีเช่นนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 41 วรรคท้าย ได้บัญญัติไว้เพียงให้หญิงมีสามีจะทำการผูกพันถึงสินบริคณห์ได้แต่เฉพาะเพียงที่เป็นส่วนของตนเท่านั้น จำเลยที่ 2จึงหาต้องรับผิดเป็นส่วนตัวด้วยไม่ ที่ศาลทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2 มานั้นยังไม่มีเหตุอันควรแก้ไข ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษายืน ค่าทนายความในชั้นฎีกาเห็นควรให้เป็นพับไป

Share