คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของแพได้อนุญาตให้พี่ชายรื้อถอนแพเอาไปปลูกเป็นเรือนอยู่ในที่ดินของพี่ชายเสียนานมาแล้วต่อมาเจ้าของแพถึงแก่กรรม ทายาทจึงฟ้องเรียกแพจากผู้ครอบครองเรือนนั้นดังนี้ ศาลจะบังคับให้ส่งแพไม่ได้เพราะไม่มีแพอยู่เสียแล้ว แต่การที่เอาแพของเขาไปปลูกเป็นเรือนของตนเสียเช่นนี้ ผู้ปลูกย่อมเป็นเจ้าของเรือนนั้น แต่ต้องใช้ค่าสัมภาระให้แก่เขาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1315 ฉะนั้น ศาลย่อมบังคับให้ใช้ราคาแพนั้นแก่ทายาทได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกของนายเปลี่ยนบิดาโจทก์ซึ่งวายชนม์แล้ว จากจำเลย

จำเลยต่อสู้ว่า ทรัพย์บางอย่างบิดาโจทก์ ขายให้บิดาจำเลยแล้ว ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องหมายอักษร ก. คือแพ 2 หลัง ซึ่งเปลี่ยนแปลงสภาพเป็นเรือนไปแล้ว กับสิ่งของอื่นอีกหลายอย่าง ให้แก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แพหมายเลข 1 ข. และตู้หมายเลข 4 นายเปลี่ยนบิดาโจทก์ได้อนุญาตให้นายหวานบิดาจำเลย รื้อถอนเอาไปปลูกเป็นเรือนอยู่ในที่ดินของนายหวานเสียนานมาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้จะบังคับให้จำเลยส่งแพหมายเลข 1-2 ไม่ได้ เพราะไม่มีแพอยู่เสียแล้วแต่การที่นายหวานได้เอาแพของนายเปลี่ยนรื้อไปปลูกเป็นเรือนของตนเสียเช่นนี้ นายหวานก็เป็นเจ้าของเรือนนั้น แต่นายหวานต้องใช้ค่าสัมภาระให้แก่เขาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1315 นั้น ฯลฯ

จึงพิพากษาแก้ว่า ให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์หมายเลขอันดับ 1-2-3ให้โจทก์ตามที่โจทก์ตีราคามาท้ายฟ้อง ฯลฯ

Share