คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วจำเลยได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วน ดังนี้จำเลยย่อมจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุดได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินมัดจำ 9,000 บาท และค่าเสียหาย 1,000 บาทจากจำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนมัดจำกับดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ส่วนค่าเสียหายให้ยกเสีย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ระหว่างฎีกาโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ความเป็นหุ้นส่วนของจำเลยจึงสิ้นสุดลงแล้ว ห้างหุ้นส่วนจำเลยไม่มีสิทธิฎีกา ศาลสอบจำเลย ๆ แถลงว่าได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจริง แต่ผู้ถือหุ้นได้ตกลงให้นายโหมวน้ำ ผู้จัดการผู้ดำเนินคดีต่อไปและรับผิดชอบในหนี้สินนี้ด้วย

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249 บัญญัติว่าห้างหุ้นส่วน ฯลฯ แม้จะได้เลิกกันแล้ว ก็ให้พึงถือว่ายังคงตั้งเท่าเวลาที่จำเป็นการชำระบัญชี และมาตรา 1272 บัญญัติว่า ในคดีฟ้องเรียกหนี้สินซึ่งห้างหุ้นส่วน ฯลฯ เป็นลูกหนี้อยู่ในฐานะเช่นนั้น ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดสองปีนับแต่วันถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชี เมื่อห้างหุ้นส่วนถูกฟ้องได้ ไฉนจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุดไม่ได้ จึงไม่เป็นปัญหาเรื่องที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยจะฎีกาคดีนี้ได้ ข้อเท็จจริงคงเห็นเช่นเดียวกับศาลอุทธรณ์

พิพากษายืน

Share