คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

อำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีเป็นอำนาจของศาลตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฯ มาตรา 271 ศาลย่อมมีสิทธิควบคุมการดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องและเป็นธรรม ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำพยานเข้าสืบเพียง 1 ปาก จนจบคำซักถามแล้วให้เลื่อนคดีไปซักค้านนัดต่อไปพร้อมกับสืบพยานคู่อีกปากหนึ่งก็เพื่อความเป็นธรรมที่จะไม่ให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดีและเพื่อความรวดเร็ว เนื่องจากมีการซักถามในนัดนี้ไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปซักถามในนัดหน้า คำสั่งของศาลชั้นต้นในการดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย การที่โจทก์ไม่ยอมนำพยานเข้าสืบตามคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66

จำเลยให้การปฏิเสธ

ระหว่างการพิจารณาในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก โจทก์แถลงว่ามีพยานซึ่งเป็นผู้ร่วมจับกุม 2 คน และพนักงานสอบสวนอีก 1 คน มาศาลพร้อมจะนำเข้าสืบทนายความจำเลยแถลงว่า พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้ร่วมจับกุมเป็นพยานคู่ หากนำเข้าสืบแล้วสืบพยานไม่เสร็จต้องเลื่อนคดีไปจะทำให้จำเลยเสียเปรียบ ศาลชั้นต้นเห็นว่ามีเวลาอีกเพียง 1 ชั่วโมง 10 นาที จึงสั่งให้โจทก์นำพยานเข้าเบิกความเพียงคนเดียวจนจบการซักถามของโจทก์ แล้วให้ทนายความจำเลยไปถามค้านในนัดต่อไป โจทก์แถลงว่าหากจะให้มีการสืบพยานก็จะขอนำพยานทั้งสองคนเข้าเบิกความจนจบ ไม่ต้องการนำพยานเข้าเบิกความเพียงคนเดียว ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะนำพยานเข้าสืบ ให้งดสืบพยานโจทก์

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกคำพิพากษาและคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์และจำเลย แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์เป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบหรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำพยานเข้าสืบเพียง 1 ปาก จนจบคำซักถามแล้วให้เลื่อนคดีไปซักค้านพยานโจทก์ปากดังกล่าวพร้อมกับสืบพยานที่เหลือต่อนัดหน้า เนื่องจากศาลเห็นว่าหากให้โจทก์ซักถามพยานเพียงบางปากไปก่อนเกรงว่าจะทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี เนื่องจากพยานที่จะสืบเป็นพยานคู่ แต่โจทก์ไม่ยอมนำพยานเข้าสืบตามที่ศาลชั้นต้นสั่งเพราะประสงค์จะนำพยานที่มาศาลเข้าสืบทั้งหมด เห็นว่า อำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีเป็นอำนาจของศาล ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 มาตรา 271 ศาลย่อมมีสิทธิควบคุมการดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องและเป็นธรรม ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำพยานเข้าสืบก่อนเพียงหนึ่งปากจนจบคำซักถามแล้วให้เลื่อนคดีไปซักค้านนัดต่อไปพร้อมกับสืบพยานคู่อีกปากหนึ่ง ก็เพื่อความเป็นธรรมที่จะไม่ให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดีและเพื่อความรวดเร็ว เนื่องจากมีการซักถามในนัดนี้ไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปซักถามในนัดหน้า คำสั่งของศาลชั้นต้นในการดำเนินกระบวนพิจารณาในส่วนนี้จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย การที่โจทก์ไม่ยอมนำพยานเข้าสืบตามคำสั่งของศาลชั้นต้นจึงเป็นการไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ส่วนฎีกาของจำเลยข้ออื่นไม่จำต้องวินิจฉัย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share