แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่ดิน จำเลยปฏิเสธแล้วโจทก์จำเลยท้ากันว่า ขอให้สืบนายประสงค์ นายเมืองเจ้าพนักงานแผนที่ถ้าปรากฏว่ามีการย้ายหลักเขตเข้าไปในที่โจทก์แล้ว จำเลยยอมแพ้ถ้าไม่ได้ความว่ามีการย้ายหลักเขตโจทก์ยอมแพ้เมื่อพยานที่ท้ากันเบิกความไม่แน่นอน ฟังไม่ได้ว่ามีการย้าย ดังนี้โจทก์ก็ต้องแพ้ตามคำท้า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่ดินโฉนดที่ 5202 ตำบลทุ่งน้อยอำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ของโจทก์ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องขอมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง และใช้ค่าเสียหาย 200 บาท
จำเลยต่อสู้ว่าได้ทำประโยชน์ในที่ดินโฉนดที่ 5197 เมื่อเจ้าพนักงานไปรังวัดสอบเขตปักเสาหินหมายเขตที่ดินของจำเลยโจทก์เจ้าของที่ดินข้างเคียงก็ได้ระวังเขตของโจทก์และรับรองเขตของจำเลยต่อหน้าเจ้าพนักงาน
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องเพิ่มเติมว่า ขณะเจ้าพนักงานรังวัดทำแผนที่วิวาท จำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดรุกที่โจทก์ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ 600 บาท ขอให้ห้ามจำเลยและใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การเพิ่มเติมว่า จำเลยนำชี้เขตตามเสาหินหมายเขตของจำเลยมิได้รุกที่โจทก์ ๆ เสียอีกได้นำชี้เขตรุกที่ดินข้างเคียงรวมทั้งที่จำเลย ค่าเสียหายที่พิพาทไม่เกินปีละ 50 บาท
คู่ความรับกันว่า แผนที่วิวาทถูกต้องและท้ากันว่าขอให้เรียกนายเมืองและนายประสงค์เจ้าพนักงานแผนที่ มาสืบเป็นพยานร่วมถ้าปรากฏว่ามีการย้ายหลักเขตเข้าไปในที่โจทก์แล้ว จำเลยยอมแพ้และยอมยกที่พิพาทให้เป็นของโจทก์ทั้งยอมคิดค่าเช่าเป็นค่าเสียหายให้โจทก์ 120 บาท แต่ถ้าได้ความว่าไม่มีการย้ายหลักเขตโจทก์ยอมแพ้ที่เป็นของจำเลย ตามที่จำเลยครอบครองอยู่ในเวลานี้ต่างไม่ติดใจสืบพยานอื่นขออ้างแต่แผนที่วิวาทและโฉนดของตนเท่านั้น
ศาลชั้นต้นสืบ นายประสงค์พยานร่วม ได้ 1 ปาก คู่ความแถลงว่าไม่ติดใจสืบนายเมืองต่อไป
ศาลชั้นต้นฟังว่าได้มีการย้ายหลักเขตเข้าไปในที่ดินของโจทก์พิพากษาว่าที่พิพาท ซึ่งอยู่ภายในเส้นสีแดงตามแผนที่วิวาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ให้จำเลยเสียค่าเช่าแก่โจทก์ 120 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์สืบไม่สมว่าจำเลยยักย้ายหลักเขตรุกล้ำที่โจทก์ พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นายประสงค์พยานร่วมเบิกความไม่แน่นอนครั้งแรกว่าเสาหินหมาย ข.ค. อยู่นอกโฉนดของจำเลย เลยสันนิษฐานว่าเสาหินหมาย ข.ค.ย้ายไปจากที่เดิมครั้นทนายจำเลยให้พยานทาบปูแผนที่หลังโฉนดจำเลยกับแผนที่วิวาทต่อหน้าศาลอีกครั้งพยานกลับว่าทางด้านพิพาทมิได้รุกล้ำกัน อนึ่งปรากฏว่าโฉนดของโจทก์มีเนื้อที่ 25 ไร่ 3 งาน 4 วา ครั้นโจทก์นำชี้ทำแผนที่วิวาทกลับชี้ว่า เนื้อที่ตามโฉนดของโจทก์ 29 ไร่ 3 งาน 40 วา ซึ่งเกินของโจทก์ไปถึง 4 ไร่ 36 วา แม้ที่พิพาท 1 ไร่ จะฟังว่าไม่ใช่ของโจทก์ ที่ดินของโจทก์ก็ยังเกินจากโฉนดของโจทก์อีก 3 ไร่ 36 วา เห็นว่าโจทก์ยังนำสืบไม่สมว่า จำเลยได้ย้ายหลักเขตเข้าไปในที่ของโจทก์ตามที่ท้ากัน
พิพากษายืน