แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เช่าบ้านเขาอยู่โดยไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่ากันไว้ครั้นเจ้าของบ้านขายบ้านนั้นให้ผู้อื่นไปผู้ซื้อคนใหม่ให้ผู้เช่าออกจากบ้านเช่าผู้เช่าก็ไม่ยอมออกผู้ซื้อจึงฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้สมคบกับเจ้าของบ้านคนเดิมทำหนังสือสัญญาเช่าขึ้น 1 ฉบับแล้วผู้เช่าเอามาอ้างเป็นพยานต่อศาลดังนี้ ถือว่ายังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือแต่เป็นผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 157
(อ้างฎีกาที่ 654/2480)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยปลอมหนังสือ และทำหลักฐานเท็จ ขอให้ลงโทษ
จำเลยทั้ง 2 ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิด ฐานกระทำพยานเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 157 ฯลฯ
โจทก์ และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ได้ความว่าก่อนโจทก์จะซื้อที่ดินและห้องแถว จากจำเลยที่ 2 โจทก์รู้เห็นอยู่ว่าจำเลยที่ 1 เช่าอยู่โจทก์จะซื้อเพื่ออยู่เอง จึงถามจำเลยที่ 2 ว่าจำเลยที่ 1 เช่าได้ทำหนังสือเช่าต่อกันหรือเปล่า จำเลยที่ 2 ว่าไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่า โจทก์ถามจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ก็ว่า ไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่า โจทก์จึงได้ซื้อที่ดินและห้องแถวจากจำเลยที่ 2 ราคา7,000 บาท ซื้อแล้วบอกให้จำเลยที่ 1 ออกจากห้อง จำเลยที่ 1 ไม่ยอมออก โจทก์จึงฟ้องขับไล่ ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 1 นำหนังสือสัญญาเช่าลงวันที่ 1 มกราคม 2494 ส่งอ้างต่อศาล โจทก์ซื้อจากจำเลยที่ 2 วันที่ 5 เมษายน 2494 โจทก์จำทำหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 1 โดยเข้าใจว่าเป็นหนังสือสัญญาเช่าที่แท้จริงแต่ภายหลังได้ความว่า จำเลยทั้งสองเพิ่งทำหนังสือสัญญาเช่าขึ้นเพื่อนำไปอ้างเป็นพยานศาล จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ส่วนความผิดฐานปลอมหนังสือ นั้น พอเทียบเคียงกับคำพิพากษาฎีกาที่ 654/2480 ซึ่งพิพากษาว่าจำเลยสมคบกันทำหนังสือสัญญากู้ขึ้นโดยความจริงไม่ได้ให้เงินกัน ไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ การกระทำของจำเลยในคดีนี้ จึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมหนังสือ
คงพิพากษายืน