คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1895/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การปลอมเอกสารไม่จำต้องมีเอกสารที่แท้จริงอยู่ก่อน และไม่ต้องทำให้เหมือนของจริงก็เป็นเอกสารปลอมได้ จำเลยที่ 2 กับพวกหลอกลวง ต. ว่า จำเลยที่ 2 คือ ย. เจ้าของรถยนต์บรรทุกมีความประสงค์จะขายรถยนต์คันดังกล่าว ต. ตกลงรับซื้อไว้และทำสัญญาซื้อขายรถยนต์กัน โดยพวกของจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อ ย. ในช่องผู้ขายในสัญญาดังกล่าว มอบให้ ต. ยึดถือไว้ การกระทำของจำเลยที่ 2 กับพวกมีเจตนาทุจริตเพื่อให้ได้เงินจาก ต. และไม่ให้ ต. ใช้สัญญาซื้อขายรถยนต์นั้นเป็นหลักฐานฟ้องร้องเรียกเงินคืน ทำให้ ต. ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 กับพวก จึงมีความผิดฐานร่วมกันปลอมหนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์อันเป็นเอกสารสิทธิ เมื่อจำเลยที่ 2 กับพวกได้มอบหนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์นั้นให้ ต. ยึดถือไว้ จำเลยที่ 2 กับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอมอีกกระทงหนึ่ง รวมทั้งมีความผิดฐานฉ้อโกงด้วย
ความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยจำเลยที่ 2กับพวกเป็นผู้ปลอมเอกสารเอง ต้องลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมแต่กระทงเดียวและความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมกับความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอมซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบด้วยมาตรา 195 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91,264, 265, 268, 341, 342(1) ริบของกลางทั้งหมด เว้นแต่สมุดบัญชีเงินฝากและใบถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของกลางคืนให้เจ้าของ และให้นับโทษจำเลยทั้งสามในคดีนี้ต่อจากโทษจำเลยทั้งสามในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5411/2541 ของศาลชั้นต้น ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 12,500 บาท คืนแก่ผู้เสียหายทั้งสอง

จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 2 ในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ และศาลชั้นต้นสั่งให้แยกฟ้องเป็นคดีใหม่

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265, 268, 342(1), 83, 91 ลงโทษฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม 2 กระทงกระทงละ 3 ปี ฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นจำคุก 3 ปี เรียงกระทงลงโทษรวมจำคุก 9 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี 6 เดือน ให้นับโทษจำเลยที่ 2 คดีนี้ต่อจากโทษจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5411/2541 ของศาลชั้นต้น ให้จำเลยที่ 2 ใช้เงินจำนวน 12,500 บาท คืนผู้เสียหายทั้งสอง ริบของกลางทั้งหมด เว้นแต่สมุดบัญชีเงินฝากและใบถอนเงินจากบัญชีเงินฝากให้คืนแก่เจ้าของ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 กับพวก เป็นความผิดฐานร่วมกันปลอมหนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์อันเป็นเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมตามที่โจทก์ฟ้องด้วยหรือไม่ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 2 กับพวกร่วมกันทำปลอมหนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์ ฉบับลงวันที่26 สิงหาคม 2541 ระหว่างนายยืนยง คงสักบัน ผู้ขาย กับนางเตือนใจ คูหาเหมรัตน์ผู้ซื้อ โดยจำเลยที่ 2 กับพวกร่วมกันหลอกลวงนางเตือนใจว่า จำเลยที่ 2 เป็นบุคคลเดียวกับนายยืนยง ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ภ – 7874 นครราชสีมาและตกลงขายรถยนต์คันดังกล่าวให้แก่นางเตือนใจ ซึ่งความจริงแล้ว จำเลยที่ 2 กับนายยืนยงเป็นบุคคลคนละคนกัน เห็นว่าการปลอมเอกสารไม่จำต้องมีเอกสารที่แท้จริงอยู่ก่อน และไม่ต้องทำให้เหมือนของจริงก็เป็นเอกสารปลอมได้ จำเลยที่ 2 กับพวกหลอกลวงนางเตือนใจว่า จำเลยที่ 2 คือนายยืนยงเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าว และทำสัญญาซื้อขายรถยนต์คันนั้น โดยพวกของจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อนายยืนยง คงสักบัน ในช่องผู้ขายในสัญญาดังกล่าวมอบให้นางเตือนใจยึดถือไว้ การกระทำของจำเลยที่ 2 กับพวกมีเจตนาทุจริตเพื่อให้ได้เงินจากนางเตือนใจ และไม่ให้นางเตือนใจใช้สัญญาซื้อขายรถยนต์นั้นเป็นหลักฐานฟ้องร้องเรียกเงินคืน ทำให้นางเตือนใจได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 กับพวก จึงมีความผิดฐานร่วมกันปลอมหนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์อันเป็นเอกสารสิทธิ เมื่อจำเลยที่ 2 กับพวกได้มอบหนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์นั้นให้นางเตือนใจยึดถือไว้ จำเลยที่ 2 กับพวก จึงมีความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอมอีกกระทงหนึ่ง รวมทั้งมีความผิดฐานฉ้อโกงด้วย ที่ศาลล่างทั้งสองยกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันปลอมหนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์อันเป็นเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมดังกล่าว ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้นโดยความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยจำเลยที่ 2 กับพวกเป็นผู้ปลอมเอกสารเองต้องลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมแต่กระทงเดียว และความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมกับความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ได้แก่ ความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอมที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 2 เฉพาะข้อหาความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นจึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบด้วยมาตรา 195วรรคสอง ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง รวมทั้งปรับบทลงโทษในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการเสียให้ถูกต้องด้วย”

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์กับใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์อันเป็นเอกสารราชการ และมีความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 265 จำเลยที่ 2 กับพวกร่วมกันปลอมเอกสารเองจึงให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 ตามมาตรา 268 วรรคสอง รม 2 กระทง กระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี และมีความผิดฐานร่วมกันปลอมหนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์อันเป็นเอกสารสิทธิกับร่วมกันใช้เอกสารสิทธิดังกล่าว และความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265, 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 และ 342(1) ความผิดฐานร่วมกันปลอมหนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์อันเป็นเอกสารสิทธิกับร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอมดังกล่าว จำเลยที่ 2 กับพวกเป็นผู้ปลอมเอกสารเอง ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 ตามมาตรา 268 วรรคสอง และความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมกับความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษในความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 และมาตรา 90 ให้จำคุก 3 ปี รวมจำคุก 9 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share