คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรือขนาด 19 ตันเศษโดยชำระราคาบางส่วน และว่าจะไปทำการโอนกันในวันหน้า แม้จะมอบเรือให้ผู้ซื้อแล้วก็ถือเป็นสัญญาจะซื้อขายไม่ใช่สัญญาซื้อขายเด็ดขาด และเป็นสัญญาที่ฟ้องร้องบังคับตามสัญญาได้
การซื้อขายเรือขนาด 19 ตันเศษ ถ้าเพียงสัญญาจะซื้อขายย่อมไม่ขัดต่อพระราชกฤษฎีกาควบคุมยานพาหนะทางน้ำ

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ทำหนังสือสัญญาขายเรือข้างกระดานขนาด19 ตันเศษให้แก่โจทก์ ชำระราคาในวันนั้น 1,000 บาท อีก 1,550 บาทจะชำระเมื่อจำเลยที่ 1 ได้ทะเบียนเรือจากกรมเจ้าท่ามาจัดการโอนให้โจทก์แล้วจำเลยมอบเรือให้โจทก์ไป ต่อมาจำเลยที่ 1 โอนทะเบียนเรือให้แก่จำเลยที่ 2 ผู้เป็นบุตรโดยสมยอม โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยทำลายการโอนเรือระหว่างจำเลยทั้งสองแล้วจัดการโอนให้โจทก์

ศาลชั้นต้นเห็นว่า การซื้อขายรายนี้เป็นซื้อขายเด็ดขาดการซื้อขายเรือเป็นขัดต่อพระราชกฤษฎีกาควบคุมยานพาหนะทางน้ำในภาวะคับขัน เพราะทำการซื้อขายกันโดยไม่ได้รับอนุญาตอธิบดีกรมเจ้าท่าการซื้อขายเป็นโมฆะ จึงพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนการซื้อขายระหว่างจำเลย แล้วให้จำเลยที่ 1 จัดการโอนเรือให้โจทก์

จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องและตามหนังสือสัญญาแสดงว่า ในการทำหนังสือสัญญารับเงินล่วงหน้าและมอบเรือให้ผู้ซื้อไปก่อน ก็โดยผู้ขายเอาทะเบียนจากกรมเจ้าท่าไม่ได้ เมื่อได้ทะเบียนแล้วจึงจะจัดการโอนอันแสดงว่าผู้ซื้อผู้ขายยังจะต้องปฏิบัติ ตามสัญญา คือจะต้องไปขอโอนทะเบียนต่อกรมเจ้าท่า ซึ่งมีอธิบดีกรมเจ้าท่าเป็นผู้พิจารณาตามประกาศรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม สัญญารายนี้จึงไม่เป็นโมฆะและเป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรค 2 จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share