คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายที่ดินเป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ แม้ที่ดินจะมีราคาสักเท่าใด ศาลแขวงก็มีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้
การที่เจ้าพนักงานที่ดินได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทำการซื้อขายที่ดินแต่ผู้ขอยังมีสิทธิจะยื่นคำร้องแสดงเหตุผลเป็นทำนองอุทธรณ์คำสั่งต่อไปอีกได้และได้ยื่นอุทธรณ์แล้วนั้นยังไม่ถือเป็นเหตุพ้นวิสัยที่จะทำการโอนได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ตกลงจะขายที่ดินให้แก่โจทก์เป็นราคา 10,000 บาท โจทก์วางเงินมัดจำไว้ 2,000 บาท จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาโดยได้เอาที่ดินรายนี้ไปขายให้จำเลยที่ 2 เสีย ขอให้ศาลสั่งทำลายนิติกรรมการซื้อขายนั้นเสีย

ศาลแขวงธนบุรีเห็นว่า คดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง พิจารณาพิพากษาได้เข้าลักษณะคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ ราคาทรัพย์ไม่ใช่สาระสำคัญและฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงพิพากษาให้ทำลายนิติกรรม

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินสั่งไม่อนุญาตให้ทำการซื้อขายในตอนแรกนั้น จะถือว่าเป็นการพ้นวิสัยซึ่งจำเลยที่ 1มีสิทธิจะบอกเลิกสัญญาได้หรือไม่นั้น ปรากฏว่าคำสั่งนั้นหาได้เด็ดขาดเพียงแค่นั้นไม่ ผู้ขอยังมีสิทธิจะยื่นคำร้องทำนองอุทธรณ์คำสั่งต่อไปได้อีก ซึ่งโจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องตามระเบียบแล้วและจำเลยก็ทราบดี สัญญาจะซื้อขายจึงยังผูกพันคู่สัญญาอยู่จำเลยที่ 2 ก็ได้ซื้อไปโดยสุจริต เมื่อเป็นดังนี้ก็ไม่มีทางจะเพิกถอนนิติกรรมระหว่างจำเลยทั้งสอง และคดีนี้โจทก์ขอให้ทำลายนิติกรรมอย่างเดียวจึงพร้อมกันพิพากษายืนในข้อที่ให้ยกฟ้องโจทก์ แต่ไม่ตัดสิทธิที่โจทก์จะฟ้องเรียกค่าสินไหมจากจำเลยต่อไป

Share