คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยซื้อที่ดินจากผู้ปกครองทรัพย์ผู้เยาว์โดยสมคบกับผู้ปกครองทรัพย์นั้น ผู้เยาว์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรม ดังนี้ จำเลยจะยกอายุความตาม มาตรา 240ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตัดฟ้องไม่ได้ เพราะมาตรา 240 เป็นอายุความเพิกถอนการฉ้อฉลของลูกหนี้และผู้ปกครองทรัพย์แทนผู้เยาว์ก็ไม่ใช่ลูกหนี้ของผู้เยาว์
คำสั่งที่ถือได้ว่าเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกับนายยกเปกผู้ปกครองทรัพย์ของโจทก์ผู้เยาว์ ทำนิติกรรมขายฝากทรัพย์ของโจทก์ ขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรม

จำเลยตัดฟ้องว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 240 และขอให้ศาลวินิจฉัยข้อตัดฟ้องนี้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลได้พิจารณาคำร้องของจำเลยที่ขอตัดฟ้องอ้างอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 240 แล้วเห็นว่า คดีนี้จะนำมาตรา 240 มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะ มาตรา 240 เป็นเรื่องระหว่างลูกหนี้เจ้าหนี้ อันลูกหนี้ได้กระทำการฉ้อฉลให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ แต่คดีนี้เป็นเรื่องบิดากับบุตร เรื่องจึงไม่ตรงกัน จึงได้ยกคำร้องของจำเลยเสีย

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกายืนยันตามข้ออุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 โดยสั่งยกคำร้องไม่วินิจฉัยให้ และคดีของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 250 แล้ว

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยข้อตัดฟ้องของจำเลยแล้วว่าข้อตัดฟ้องฟังไม่ได้ เป็นการปฏิบัติถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 แล้วส่วนข้อที่จำเลยยกอายุความตาม มาตรา 240 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาปรับแก่คดีนี้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา 240 เป็นเรื่องอายุความในคดีเพิกถอนการฉ้อฉลนิติกรรมอันลูกหนี้ได้กระทำโดยรู้อยู่ว่าทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ แต่เรื่องนี้นายยกเปกไม่ใช่ลูกหนี้โจทก์ เป็นแต่นายยกเปกปกครองทรัพย์แทนโจทก์ในขณะที่โจทก์ เป็นผู้เยาว์เท่านั้น และกรณีก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้กองทรัพย์สินของลูกหนี้ลดน้อยลง อันจะทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ข้อตัดฟ้องของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

Share