แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีคน 5-6 คนถือไม้วิ่งไล่ทำร้ายจำเลยมาอย่างกระชั้นชิดจำเลยจำเป็นที่จะต้องวิ่งหนีไปทางที่ซึ่งกำลังมีพิธีแต่งงาน คนในที่นั้นคนหนึ่งลุกขึ้นกั้นไว้จำเลยแทงตาย ดังนี้ เป็นการกระทำโดยจำเป็นแต่เกินกว่าเหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
จำเลยให้การว่า กระทำไปโดยไม่มีเจตนา และเพื่อป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 จำคุก 20 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยกระทำโดยจำเป็นเพื่อป้องกันตัวเองให้พ้นภัยภยันตรายอันร้ายแรงตาม มาตรา 49(2) แต่ทำเกินแก่เหตุจึงพิพากษาลงโทษตาม มาตรา 53, 251จำคุก 2 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ถูกกระทำร้ายในขณะที่กำลังกินอาหารโดยจำเลยมิได้เป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น จำเลยวิ่งหนีจากเรือนหลังตะวันออกไปทางเรือนหลังที่ผู้อยู่ ผู้ตายได้ทำการขัดขวางจำเลยในขณะที่มีคน 5-6 คนถือไม้วิ่งไล่ทำร้าย จำเลยอยู่อย่างกระชั้นชิดติด ๆ กันไป นับได้ว่าจำเลยกำลังตกอยู่ในภยันตรายอันร้ายแรงทั้งเป็นเวลากระทันหันอันจะหลีกเลี่ยงไปทางอื่นให้ทันท่วงที่ไม่ได้ จึงเป็นความจำเป็นของจำเลยที่จะต้องฝ่านไปทางที่ผู้ตายขัดขวาง การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตาย 1 ที เพื่อหลบหนีภัยตามเหตุที่ปรากฏ จึงยังไม่พอสันนิษฐานว่า จำเลยจงใจเจตนาฆ่าผู้ตายแต่เห็นว่าการกระทำของจำเลยเกินสมควรแก่เหตุไปมาก กล่าวคือเพียงแต่ผู้ตายขัดขวางมิให้ผ่านไป ถ้าจำเลยใช้กำลังหักโหมขืนเข้าไปก็ยังทำได้ มิบังควรต้องใช้อาวุธมีดแทงจนเกิดเป็นคดีฆาตกรรมเห็นว่าควรลงโทษจำเลยให้หนักกว่าที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจึงพิพากษาแก้เป็นจำคุก 7 ปี