คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2357/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สินสอดเป็นทรัพย์สินที่ฝ่ายชายให้แก่บิดามารดาหรือผู้ปกครองฝ่ายหญิงเพื่อตอบแทนการที่หญิงยอมสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1436 วรรคสาม โดยไม่จำกัดว่าหญิงซึ่งยอมสมรสนั้นบรรลุนิติภาวะแล้วหรือยังดังนั้น เมื่อจำเลยทั้งสองตกลงจะให้สินสอดแก่โจทก์ซึ่งเป็นมารดาของนางสาว ต.เพื่อตอบแทนในการที่นางสาวต.ยอมสมรสกับบุตรของจำเลยทั้งสอง และต่อมานางสาว ต.กับบุตรโจทก์ได้จดทะเบียนสมรสกันแล้ว แม้นางสาว ต.จะบรรลุนิติภาวะก่อนสมรส จำเลยทั้งสองก็จะต้องรับผิดชำระเงินสินสอดให้โจทก์ตามที่สัญญาไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองตกลงสู่ขอนางสาวแตวบุตรโจทก์ที่เกิดจากนายหมีด หลงเก็บ สามีคนก่อนซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ให้แต่งงานกับนายฉลองบุตรของจำเลยทั้งสอง โดยจำเลยทั้งสองสัญญาว่าจะให้เงินสินสอดแก่โจทก์ 5,000 บาท แต่จำเลยทั้งสองกลับจัดการแต่งงานหนุ่มสาวทั้งสองไปโดยลำพังตนและไม่ชำระเงินค่าสินสอดให้โจทก์ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงินค่าสินสอด 5,000 บาทแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงจะให้เงินสินสอดแก่โจทก์ แต่ตกลงกับนายหมีด หลงเก็บ บิดาของนางสาวแตวและได้มอบเงินสินสอด 3,000 บาทให้นายหมีดในวันทำพิธีสมรสแล้ว เมื่อทำพิธีสมรส นายฉลองและนางสาวแตวซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วไปจดทะเบียนสมรสกันเอง ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง

ในวันชี้สองสถาน ทนายจำเลยแถลงว่าฝ่ายจำเลยตกลงกับโจทก์จริงตามฟ้อง แต่ในวันแต่งงานบุตรมีแต่นายหมีด หลงเก็บ บิดาของนางสาวแตวซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรสกับโจทก์ไปในพิธี และตกลงกับฝ่ายจำเลยใหม่ขอเงินสินสอดเพียง 3,000 บาท ซึ่งฝ่ายจำเลยมอบให้นายหมีดในวันนั้นแล้ว

ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่าจำเลยต้องรับผิดในเงินสินสอดต่อโจทก์ตามที่ตกลงกันไว้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินสินสอด 5,000 บาทแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลฎีกาสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่านางสาวแตวบรรลุนิติภาวะแล้วทำการสมรสได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินสินสอดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าสินสอดเป็นทรัพย์สินที่ฝ่ายชายให้แก่บิดามารดาหรือผู้ปกครองของฝ่ายหญิง เพื่อตอบแทนการที่หญิงยอมสมรสตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1436 วรรคสาม โดยไม่จำกัดว่าหญิงซึ่งยอมสมรสนั้นจะบรรลุนิติภาวะแล้วหรือยัง ดังนั้น เมื่อจำเลยทั้งสองตกลงจะให้สินสอดแก่โจทก์ซึ่งเป็นมารดาของนางสาวแตวเพื่อตอบแทนในการที่นางสาวแตวยอมสมรสกับนายฉลองบุตรของจำเลย และต่อมาจำเลยทั้งสองได้ทำพิธีแต่งงานนางสาวแตวกับนายฉลองและนางสาวแตวกับนายฉลองได้จดทะเบียนสมรสกันแล้ว แม้นางสาวแตวจะบรรลุนิติภาวะก่อนสมรส จำเลยทั้งสองก็จะต้องรับผิดชำระสินสอด 5,000 บาทให้โจทก์ตามที่สัญญาไว้ เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์มีอำนาจฟ้องให้จำเลยทั้งสองชำระได้

พิพากษายืน

Share