คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำชำเราตามกฎหมายจะต้องปรากฏว่าของลับหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของชายล่วงล้ำเข้าไปในช่องสังวาสหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของหญิง การที่จำเลยขืนใจเด็กหญิงผู้เสียหายโดยใช้ของลับของจำเลยใส่เข้าไปในทางทวารหนักของผู้เสียหายจึงไม่เป็นการกระทำชำเราคงมีความผิดฐานกระทำอนาจารเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงเตือน ส่งเมาอายุ 12 ปี โดยใช้ปืนขู่แล้วกระทำชำเราทางทวารหนักจนสำเร็จและต่อมาจำเลยมีอาวุธปืนสั้น 1 กระบอก ปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก ซึ่งไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน กับกระสุนปืน 2 นัด โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 277 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 7 และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กับขอให้ริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่เรียกว่าเป็นการกระทำชำเราตามกฎหมาย พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคสอง ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2514)ข้อ 9 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ วางโทษจำคุกฐานกระทำอนาจาร 4 ปีฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน 1 ปี ลดฐานรับสารภาพให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน ริบของกลาง

โจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำชำเราตามกฎหมาย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยได้ขืนใจผู้เสียหาย โดยใช้ของลับของจำเลยใส่เข้าไปในทางทวารหนักของผู้เสียหาย

วินิจฉัยว่า จะเป็นการกระทำชำเราตามกฎหมายจะต้องปรากฏว่าของลับหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของชายล่วงล้ำเข้าไปในช่องสังวาสหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของหญิง แต่คดีนี้ได้ความว่าของลับหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของจำเลยมิได้ล่วงล้ำเข้าไปในช่องสังวาสหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของผู้เสียหาย แต่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในทางทวารหนักของผู้เสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการกระทำชำเราตามกฎหมาย ศาลล่างทั้งสองพิพากษาคดีมาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share