คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5961/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดนครศรีธรรมราชจะยื่นใบสมัครสมาชิกบัตรเครดิตต่อโจทก์ที่สาขาในจังหวัดปทุมธานีก็ตาม แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่ามูลคดีเกิดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ เพราะโจทก์ที่สำนักงานใหญ่เป็นผู้อนุมัติสินเชื่อบัตรเครดิต ย่อมถือได้ว่าสำนักงานใหญ่ของโจทก์เป็นสถานที่ที่มูลคดีเกิดขึ้น เมื่อสำนักงานใหญ่ของโจทก์อยู่ในเขตศาลแขวงพระโขนง โจทก์จึงชอบที่จะเสนอคำฟ้องของโจทก์ต่อศาลแขวงพระโขนงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(1)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสัญญาบัตรเครดิตเป็นเงิน 121,880.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.75 ต่อปี ของต้นเงิน99,409.94 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และสำเนาใบสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 ระบุธนาคารโจทก์ สาขาตลาดสี่มุมเมือง มูลคดีและภูมิลำเนาของจำเลยจึงไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลนี้ ไม่รับฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่าโจทก์ชอบที่จะเสนอคำฟ้องของโจทก์ต่อศาลแขวงพระโขนงได้หรือไม่ เห็นว่าแม้จำเลยซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จะยื่นใบสมัครสมาชิกบัตรเครดิตต่อโจทก์ที่สาขาตลาดสี่มุมเมือง จังหวัดปทุมธานี ก็ตาม แต่โจทก์ก็บรรยายฟ้องต่อไปว่ามูลคดีนี้เกิดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ เพราะโจทก์ที่สำนักงานใหญ่เป็นผู้อนุมัติสินเชื่อบัตรเครดิต ย่อมถือได้ว่าสำนักงานใหญ่ของโจทก์เป็นสถานที่ที่มูลคดีเกิดขึ้น เมื่อสำนักงานใหญ่ของโจทก์อยู่ในท้องที่เขตวัฒนาซึ่งอยู่ในเขตศาลแขวงพระโขนง โจทก์จึงชอบที่จะเสนอคำฟ้องของโจทก์ต่อศาลแขวงพระโขนงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(1) ที่ศาลแขวงพระโขนงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์เสียนั้น เป็นการไม่ชอบอุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้รับคำฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่

Share