แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์กับจำเลยทั้งสี่พิพาทกันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท เจ้าพนักงานที่ดินสอบสวนเปรียบเทียบแล้วมีคำสั่งให้ออกโฉนดที่ดินแก่จำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายที่ดินฯ มาตรา 60 เมื่อจำเลยทั้งสี่ได้รับโฉนดที่ดินแล้วอาจมีการโอนที่ดินพิพาทต่อไป ซึ่งหากศาลพิพากษาในภายหลังว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์อาจได้รับความเสียหาย กรณีมีเหตุสมควรกำหนดวิธีการคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นทำเลเลี้ยงสัตว์อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และนางเอื่อนโตสุวรรณ มารดาจำเลยที่ 3 ขอออกโฉนดที่ดินสำหรับที่ดินแปลงดังกล่าว โจทก์คัดค้านเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรีสอบสวนเปรียบเทียบแล้วสั่งให้ออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยทั้งสี่ ห้ามจำเลยทั้งสี่เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท
ระหว่างพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(3) โดยขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาชะอำ ระงับการออกโฉนดที่ดินสำหรับที่ดินพิพาทแก่จำเลยทั้งสี่ไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีถึงที่สุด
จำเลยทั้งสี่ยื่นคำคัดค้านว่าเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรีสอบสวนเปรียบเทียบตามพยานหลักฐานและมติของคณะรัฐมนตรีกับไกล่เกลี่ยโจทก์และจำเลยทั้งสี่แล้วไม่อาจตกลงกันได้ เจ้าพนักงานที่ดินจึงมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 60ให้ออกโฉนดที่ดินสำหรับที่ดินพิพาทแก่จำเลยทั้งสี่ โจทก์นำคดีสู่ศาลโดยฟ้องจำเลยทั้งสี่ภายในหกสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาชะอำจึงระงับการออกโฉนดที่ดินไว้ชั่วคราว ต่อมาโจทก์ถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นอนุญาตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรีจึงมีอำนาจดำเนินการออกโฉนดที่ดินสำหรับที่ดินพิพาทแก่จำเลยทั้งสี่ โจทก์ฟ้องคดีใหม่เป็นคดีนี้เกินกำหนดหกสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ดิน โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรีระงับการออกโฉนดที่ดินชั่วคราว กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 60 โจทก์จึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาชะอำ ระงับการออกโฉนดที่ดินสำหรับที่ดินพิพาทไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ปัญหาว่าสมควรมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาหรือไม่ แม้คำร้องของโจทก์จะขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(3) แต่เนื้อหาของคำร้องและวัตถุประสงค์ของโจทก์ก็เพื่อให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาชะอำ รอเรื่องการออกโฉนดที่ดินสำหรับที่ดินพิพาทแก่จำเลยทั้งสี่ไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดว่าเป็นประการใด ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาในกรณีที่โจทก์ชนะคดี เห็นว่า โจทก์กับจำเลยทั้งสี่พิพาทกันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรีสอบสวนเปรียบเทียบแล้วมีคำสั่งให้ออกโฉนดที่ดินแก่จำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 60 เมื่อจำเลยทั้งสี่ได้รับโฉนดที่ดินแล้วอาจมีการโอนที่ดินพิพาทต่อไปซึ่งหากศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์อาจได้รับความเสียหาย กรณีมีเหตุสมควรกำหนดวิธีการคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยทั้งสี่ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน