คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บรรยายฟ้องว่า ร่วมทุนกันซื้อช้างเป็นเจ้าของร่วมกันแล้วผลัดกันเลี้ยงเพื่อหาประโยชน์ ครั้นจำเลยเลี้ยงแล้วถึงคราวที่ต้องผลัดให้เจ้าของร่วมเลี้ยงบ้าง จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาไว้เลี้ยงเพื่อประโยชน์ตนเสียแต่ฝ่ายเดียว ดังนี้ ฟ้องมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ต้องรับไว้พิจารณา

ย่อยาว

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับนายคอมีเข้าหุ้นออกเงินกันซื้อข้าง 1 เชือก ราคา 9,000 บาท โดยจำเลยออกเงิน 4,700 บาทนายคอมีออก 4,300 บาท เมื่อซื้อแล้วตกลงเปลี่ยนกันเลี้ยงช้างซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกันนั้นเพื่อหาประโยชน์คนละ 2 เดือน ครั้นจำเลยเอาไปเลี้ยงแล้วถึงคราวที่จะผลัดเปลี่ยนให้ทายาทของนายคอมี(นายคอมีตาย) นำไปเลี้ยง จำเลยบังอาจมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาช้างไว้เลี้ยงหาประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยมีเสียแต่ผู้เดียวไม่มอบช้างให้แก่ทายาทนายคอขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352

จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่า ช้างเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว

ศาลจังหวัดหล่มสักงดสืบพยานโจทก์จำเลย วินิจฉัยว่าตามฟ้องนายคอมีผู้เป็นหุ้นส่วนตาย ยังไม่มีการชำระบัญชี ทายาทยังไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายที่จะร้องทุกข์ได้ ส่วนเรื่องการผิดสัญญาหุ้นส่วนนั้น ก็เป็นเรื่องทางแพ่ง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามฟ้อง แม้จะมีถ้อยคำว่า เข้าหุ้นกันซื้อข้าง แต่ก็มีข้อความว่า นายคอมีกับจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ช้างร่วมกัน และหากนายคอมีเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่ด้วยจริงเมื่อนายคอมีตายลง ทายาทก็ย่อมเป็นผู้เสียหายการเบียดบังเอาทรัพย์ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมด้วยไปโดยทุจริตก็มีความผิดตามฟ้องได้พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share