คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 111 พยานได้รับหมายเรียกแล้วไม่มาศาล ศาลจะเลื่อนการพิจารณาไปและออกหมายจับก็ได้บทบัญญัตินี้ให้อำนาจแก่ศาลจะหยิบยกขึ้นเองโดยศาลเห็นสมควรหรือเมื่อคู่ความร้องขอ คดีอาญาเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าจำเลยกระทำผิดดังฟ้อง สำหรับคดีนี้ต้องเลื่อนคดีมาหลายครั้งก็จริง แต่โจทก์ก็พยายามที่จะเอาตัวพยานตลอดมา ถ้าจำเลยต้องขัง ศาลฎีกาก็เห็นควรตัดพยานโจทก์ แต่เนื่องจากจำเลยมีประกันตัวไป หากจะให้เลื่อนก็ไม่ลำบากแก่จำเลยและไม่เสียความยุติธรรม เมื่อพิจารณาถึงข้อนี้ประกอบพฤติการณ์ต่างๆ ในสำนวน ควรให้โอกาสโจทก์เลื่อนการพิจารณาไปอีกครั้งหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนา

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอหมายเรียกแล้ว แต่ถึงวันนัดพยานโจทก์ไม่มา ศาลต้องเลื่อนการพิจารณาถึง 6 ครั้ง ๆ สุดท้ายศาลสั่งตัดพยานและสืบพยานโจทก์ที่มาศาล 1 ปาก แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 111 มีความว่า เมื่อศาลเห็นว่าพยานได้รับหมายเรียกโดยชอบแล้วจงใจไม่ไปยังศาลนั้น ศาลจะเลื่อนการพิจารณาคดีไปและออกหมายจับก็ได้บทบัญญัตินี้ให้อำนาจศาลจะหยิบยกขึ้นใช้เองโดยศาลเห็นสมควรหรือศาลจะหยิบยกขึ้นใช้เมื่อคู่ความร้องขอก็ได้ คดีอาญาเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าจำเลยกระทำผิดดังฟ้อง สำหรับคดีนี้ต้องเลื่อนมาหลายครั้งก็จริง แต่โจทก์ก็ได้พยายามจะเอาตัวพยานตลอดมา คดีนี้ถ้าจำเลยต้องขังศาลฎีกาเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าชอบที่จะตัดพยานโจทก์ แต่เนื่องจากจำเลยได้ประกันตัวไป หากเลื่อนก็ไม่ลำบากแก่จำเลยและไม่เสียความยุติธรรม ข้อนี้ประกอบกับพฤติการณ์ต่าง ๆ ในสำนวน ศาลฎีกาเห็นด้วยกับศาลอุทธรณ์ว่าควรให้โอกาสโจทก์อีกครั้งหนึ่ง

พิพากษายืน

Share