คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าฯ มาตรา 44 จะให้การคุ้มครองสิทธิของโจทก์ที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า “WAHL” ตามที่จดทะเบียนไว้ก็ตามก็เป็นเพียงคุ้มครองให้โจทก์ที่ 1 เพียงผู้เดียวที่จะใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวกับสินค้าปัตตะเลี่ยนตามที่จดทะเบียนไว้ และมีสิทธิหวงกันไม่ให้ผู้อื่นนำเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 ไปใช้โดยมิชอบเท่านั้น และเมื่อพิจารณาประกอบกับบทบัญญัติในมาตรา 4แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ที่กำหนดให้เครื่องหมายการค้า หมายความว่า เครื่องหมายที่ใช้หรือจะใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น อันมีวัตถุประสงค์เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายกาค้ากับสินค้าของผู้อื่นและเพื่อระบุว่าสินค้านั้นเป็นของเจ้าของเครื่องหมายการค้าอันเป็นประโยชน์ในการจำหน่ายสินค้าของตน ซึ่งการที่มีผู้ซื้อสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้าเพื่อนำไปจำหน่ายต่อไปก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาในการประกอบการค้าดังนั้น เมื่อโจทก์ที่ 1 ได้จำหน่ายสินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ลของตนไปในครั้งแรกซึ่งเป็นการใช้สิทธิแต่ผู้เดียวในการใช้เครื่องหมายการค้า โดยโจทก์ที่ 1 ได้รับประโยชน์จากการใช้เครื่องหมายการค้าจากราคาสินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ลที่จำหน่ายไปเสร็จสิ้นแล้ว โจทก์ที่ 1จึงไม่มีสิทธิหวงกันไม่ให้ผู้ซื้อสินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ลซึ่งประกอบการค้าตามปกตินำสินค้าดังกล่าวที่ซื้อมาออกจำหน่ายต่อไปอีก แม้กล่องบรรจุสินค้าของโจทก์ที่ 1 ที่จำเลยซื้อจากผู้ขายซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์ที่ 1 ในประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์และนำมาจำหน่ายจะมีซองกระดาษที่มีเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 ห่อหุ้มกล่อง กับข้อความว่า “ของแท้ต้องมีใบรับประกัน 1 ปี” และมีใบรับประกันที่มีเครื่องหมายการค้าเดียวกันระบุชื่อที่อยู่ของบริษัท พ. ว่าเป็นศูนย์บริการ ก็ยังคงแสดงว่า สินค้าปัตตะเลี่ยนที่อยู่ในกล่องนั้นเป็นของโจทก์ที่ 1 อยู่นั่นเอง โดยบริษัท พ. เป็นเพียงผู้ให้บริการรับซ่อมปัตตะเลี่ยนเท่านั้นมิได้มีลักษณะเป็นการใช้ข้อความหรือเครื่องหมายที่แสดงว่าสินค้าดังกล่าวเป็นของบริษัท พ. หรือเป็นของจำเลยผู้นำมาจำหน่ายแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยที่ซื้อสินค้าปัตตาเลี่ยนวอห์ลของโจทก์ที่ 1 จากตัวแทนของโจทก์ที่ 1 ในประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ที่ 1 จึงไม่เป็นการใช้เครื่องหมายการค้าอันเป็นการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นบริษัทจำกัดตามกฎหมายมลรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โจทก์ที่ 1 ได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า “WAHL”ในประเทศไทยสำหรับใช้กับสินค้าในจำพวกที่ 8 ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ. 2474 รายการสินค้า ปัตตะเลี่ยน และได้ต่ออายุการจดทะเบียนตลอดมา ก่อนและภายหลังจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว โจทก์ที่ 1 มอบให้โจทก์ที่ 2 เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าปัตตะเลี่ยนที่ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวแต่ผู้เดียวในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2527 จนถึงปี 2538 โจทก์ทั้งสองได้ร่วมกันโฆษณาสาธิตวิธีการใช้ปัตตะเลี่ยนวอห์ลทั่วประเทศไทย สิ้นค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000,000 บาท ในปี 2537 โจทก์ที่ 2จำหน่ายสินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ลได้น้อยลงผิดสังเกต จึงได้สืบสวนหาสาเหตุ จนเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2538 จึงทราบว่าจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองด้วยการนำเข้าสินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ลของโจทก์ที่ 1 จากประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์และประเทศอื่น ๆ โดยโจทก์ทั้งสองไม่ได้ให้ความยินยอมและจำเลยทราบอยู่แล้วว่าโจทก์ที่ 1ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “WAHL” ไว้แล้ว และโจทก์ที่ 2 เป็นผู้มีสิทธิจำหน่ายสินค้าดังกล่าวในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว ทำให้โจทก์ที่ 2 ได้รับความเสียหายนอกจากนี้จำเลยยังได้จัดทำซองกระดาษเพื่อให้ห่อหุ้มกล่องบรรจุสินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ลเพิ่มขึ้นอีก 1 ชั้น โดยพิมพ์ข้อความโฆษณาเป็นรูปสินค้าปัตตะเลี่ยนซ้อนอยู่บนรูปธงชาติของประเทศสหรัฐอเมริกาและมีข้อความภาษาไทยกำกับว่า “ของแท้ต้องมีใบรับประกัน1 ปี” ที่มุมล่างด้านขวาได้พิมพ์เครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 เป็นภาษาอังกฤษสีขาวบนพื้นสี่เหลี่ยมสีแดงว่า “WAHL” โดยที่โจทก์ทั้งสองไม่ได้ยินยอมให้จำเลยจัดพิมพ์เครื่องหมายการค้าแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ทั้งสองและเป็นการกระทำเพื่อให้บุคคลทั่วไปหลงเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า “WAHL” ของโจทก์ทั้งสอง และหลงเชื่อว่าสินค้าที่โจทก์ที่ 2 จำหน่ายอยู่มิใช่ของแท้ เพราะปัตตะเลี่ยนยี่ห้อวอห์ลของโจทก์ที่ 1ซึ่งมีโจทก์ที่ 2 เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยแต่ผู้เดียวไม่มีข้อความภาษาไทยกำกับว่า “ของแท้ต้องมีใบรับประกัน 1 ปี” เป็นเหตุให้โจทก์ที่ 2 ได้รับความเสียหายโดยจำหน่ายสินค้าได้น้อยลงคิดเป็นค่าเสียหายนับแต่เดือนมกราคม 2539 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน10,000,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 10,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง กับให้จำเลยใช้เงินจำนวน 1,000,000 บาท ต่อเดือน แก่โจทก์ที่ 2 นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะหยุดจำหน่ายสินค้าปัตตะเลี่ยนที่มีเครื่องหมายการค้าคำว่า “WAHL”ห้ามจำเลยสั่งหรือนำเข้ามาจำหน่ายหรือเสนอจำหน่ายปัตตะเลี่ยนที่ใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า “WAHL” หรือใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวของโจทก์ที่ 1 ไม่ว่าด้วยประการใด ๆอีกต่อไป ห้ามจำเลยพิมพ์ข้อความใด ๆ บนเอกสารโดยมีชื่อยี่ห้อคำว่า “WAHL” และให้จำเลยรวบรวมเก็บสินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ลที่จำเลยกระทำละเมิดสิทธิของโจทก์ทั้งสองที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาดและที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยส่งมอบต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อจัดการทำลายเสีย

จำเลยให้การว่า จำเลยเคยขายปัตตะเลี่ยนวอห์ลในท้องตลาดจริงตั้งแต่ปลายปี2538 โดยสั่งซื้อและนำเข้ามาจากประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์แล้วส่งไปขายต่อยังประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและสหภาพพม่า และขายให้แก่บริษัทพี.ซี.แอล จำกัด จำเลยได้ทำสติกเกอร์และออกใบรับประกันคุณภาพติดที่กล่องปัตตะเลี่ยนข้อความว่า “ของแท้ต้องมีใบรับประกัน 1 ปี” เพื่อเน้นทางด้านบริการให้แก่ลูกค้า จำเลยไม่รู้ว่าโจทก์ทั้งสองเป็นผู้มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า “WAHL” และไม่ทราบว่าโจทก์ที่ 1 ได้ให้โจทก์ที่ 2 เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าปัตตะเลี่ยนภายใต้เครื่องหมายการค้าคำว่า “WAHL” แต่ผู้เดียวในประเทศไทย จำเลยมาทราบภายหลังเมื่อโจทก์ทั้งสองยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลเมื่อเดือนกันยายน 2539 จำเลยแจ้งให้โจทก์ทั้งสองทราบว่า จำเลยสั่งปัตตะเลี่ยนดังกล่าวจากประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ครั้งหลังสุดเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม2539 หลังจากนั้นไม่ได้สั่งเข้ามาอีกเลย แต่โจทก์ทั้งสองไม่เชื่อ ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม2539 โจทก์ทั้งสองนำเจ้าพนักงานตำรวจมาตรวจค้นที่บริษัทจำเลยพบปัตตะเลี่ยนวอห์ลจำนวน 1 อัน ซึ่งสินค้าดังกล่าวร้านเสริมสวยได้ฝากเอาไว้ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17กันยายน 2539) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 คำขอของโจทก์ที่ 1 นอกนั้นรวมทั้งฟ้องของโจทก์ที่ 2 ให้ยก

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า”ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังได้ยุติว่า โจทก์ที่ 1 เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตามกฎหมายของมลรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า “WAHL” และได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวสำหรับใช้กับสินค้าปัตตะเลี่ยนไว้ในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ รวมทั้งประเทศไทยโจทก์ที่ 1 ได้แต่งตั้งให้โจทก์ที่ 2 เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ลในประเทศไทยแต่ผู้เดียว สินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ลของโจทก์ที่ 1 ที่ผลิตออกจำหน่ายมีสองแบบแบบที่ 1 บรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกใส แบบที่ 2 บรรจุอยู่ในกล่องโฟมห่อหุ้มด้วยกล่องกระดาษ จำเลยได้สั่งซื้อปัตตะเลี่ยนวอห์ลของโจทก์ที่ 1 จากผู้ขายซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์ที่ 1 ในประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย สินค้าดังกล่าวได้เพิ่มซองกระดาษห่อหุ้มกล่องที่บรรจุปัตตะเลี่ยนวอห์ลของโจทก์ที่ 1 ไว้อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งมีการพิมพ์รูปปัตตะเลี่ยนที่มีเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 ปรากฏอยู่ ทับซ้อนบนรูปธงชาติของประเทศสหรัฐอเมริกาและพิมพ์เครื่องหมายการค้าคำว่า “WAHL” ของโจทก์ไว้ที่มุมขวาด้านล่าง พร้อมกับมีสติกเกอร์พิมพ์ข้อความว่า “ของแท้ต้องมีใบรับประกัน 1 ปี” ปิดทับบนซองดังกล่าว นอกจากนี้ภายในกล่องซึ่งบรรจุปัตตะเลี่ยนวอห์ลยังมีใบรับประกันซึ่งมีชื่อและที่ตั้งของบริษัทพี.ซี.แอล จำกัด ซึ่งเป็นศูนย์บริการซ่อมปัตตะเลี่ยนใส่ไว้ทุกกล่อง

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่จำเลยซื้อสินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ล ของโจทก์ที่ 1 จากตัวแทนของโจทก์ที่ 1 ในประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ที่ 1 เป็นการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้วของโจทก์ที่ 1 หรือไม่ เห็นว่า แม้ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2535 มาตรา 44 จะเป็นบทบัญญัติให้การคุ้มครองสิทธิของโจทก์ที่ 1 ในฐานะที่เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า “WAHL”ตามที่ได้จดทะเบียนไว้ก็ตาม ก็เป็นเพียงการคุ้มครองโดยให้สิทธิแก่โจทก์ที่ 1 เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวสำหรับสินค้าปัตตะเลี่ยนตามที่ได้จดทะเบียนไว้ซึ่งทำให้โจทก์ที่ 1 มีสิทธิหวงกันไม่ให้ผู้อื่นนำเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 ไปใช้โดยมิชอบเท่านั้น และเมื่อพิจารณาประกอบกับบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ที่บัญญัติว่า “เครื่องหมายการค้า หมายความว่า เครื่องหมายที่ใช้หรือจะใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับสินค้าเพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น” ย่อมเห็นได้ว่า วัตถุประสงค์ของการใช้เครื่องหมายการค้าตามบทบัญญัติดังกล่าวคือการใช้เครื่องหมายการค้ากับสินค้าเพื่อแยกความแตกต่างระหว่างสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นกับสินค้าของผู้อื่นและเพื่อระบุว่าสินค้านั้นเป็นของเจ้าของเครื่องหมายการค้าดังกล่าว ซึ่งเป็นประโยชน์แก่เจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นในการจำหน่ายสินค้าของตน เพราะการใช้เครื่องหมายการค้ากับสินค้าเช่นนี้ย่อมทำให้ประชาชนที่นิยมเชื่อถือในสินค้าและเครื่องหมายการค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นได้อาศัยเครื่องหมายการค้าดังกล่าวในการพิจารณาเลือกซื้อสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นได้ถูกต้องตามความประสงค์ของตน และการที่มีผู้ซื้อสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้าเพื่อนำไปจำหน่ายต่อไปก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาในการประกอบการค้า ดังนี้ เมื่อโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า “WAHL” ได้จำหน่ายสินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ลของตนไปในครั้งแรกซึ่งเป็นการใช้สิทธิแต่ผู้เดียวในการใช้เครื่องหมายการค้านั้นกับสินค้าปัตตะเลี่ยนของตนเพื่อประโยชน์ในการจำหน่ายสินค้าโดยโจทก์ที่ 1 ได้รับประโยชน์จากการใช้เครื่องหมายการค้าจากราคาสินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ลที่ได้จำหน่ายไปเสร็จสิ้นแล้ว โจทก์ที่ 1 จึงไม่มีสิทธิหวงกันไม่ให้ผู้ซื้อสินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ลซึ่งประกอบการค้าตามปกตินำสินค้าปัตตะเลี่ยนวอห์ลแท้จริงที่ซื้อมาออกจำหน่ายต่อไปอีก แม้กล่องบรรจุสินค้าปัตตะเลี่ยนของโจทก์ที่ 1 ที่จำเลยซื้อและนำมาจำหน่ายจะมีซองกระดาษที่มีเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 ห่อหุ้มกล่อง กับข้อความว่า “ของแท้ต้องมีใบรับประกัน 1 ปี” และมีใบรับประกันที่มีเครื่องหมายการค้าเดียวกันระบุชื่อที่อยู่ของบริษัทพี.ซี.แอล จำกัด ว่าเป็นศูนย์บริการ ก็ยังคงเป็นการแสดงว่า สินค้าปัตตะเลี่ยนที่อยู่ในกล่องหรือหีบห่อนั้นเป็นของโจทก์ที่ 1 อยู่นั่นเอง โดยบริษัทพี.ซี.แอล จำกัด เป็นเพียงแต่ผู้ให้บริการรับซ่อมปัตตะเลี่ยนเท่านั้น มิได้มีลักษณะเป็นการใช้ข้อความหรือเครื่องหมายที่แสดงว่าสินค้าดังกล่าวเป็นของบริษัทพี.ซี.แอล จำกัด หรือเป็นของจำเลยผู้นำมาจำหน่ายแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการใช้เครื่องหมายการค้าอันเป็นการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 และพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องของโจทก์ที่ 1 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share