คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยปิดกั้นเหมืองสาธารณะเพราะเชื่อมั่นโดยสุจริตว่าเป็นเหมืองของจำเลยนั้น จำเลยย่อมไม่รู้ว่าเหมืองนั้นเป็นสาธารณูปโภคซึ่งเป็นองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228(ประชุมใหญ่ ครั้งที่26/2504)
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฎีกาของจำเลยที่ว่าเป็นเหมืองของจำเลยก็ไม่ต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง หากจำเลยมีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ในเหมืองอย่างไร ก็ชอบที่จะว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปิดกั้นน้ำในเหมืองสาธารณะสำหรับประชาชนใช้เป็นสาธารณูปโภค ทำให้เจ้าของนาข้างเคียงเสียหายแก่การทำนาเพราะขาดน้ำ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228

จำเลยต่อสู้ว่าเป็นเหมืองของจำเลย

ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นเหมืองสาธารณะ แต่จำเลยปิดกั้นน้ำเพราะเชื่อมั่นโดยสุจริตว่าเป็นเหมืองของจำเลย ๆ ขาดเจตนาที่จะทำให้ทรัพย์ผู้อื่นเสียหาย พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 228แล้วส่วนจำเลยฎีกาว่าเป็นเหมืองของจำเลย

ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยปิดกั้นเหมืองสาธารณะเพราะเชื่อมั่นโดยสุจริตว่าเป็นเหมืองของจำเลย ๆ ย่อมไม่รู้ว่าเหมืองนั้นเป็นสาธารณูปโภคซึ่งเป็นองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228 จำเลยจึงไม่ผิดตามมาตรานี้

ส่วนฎีกาของจำเลยว่าเป็นเหมืองของจำเลย ไม่ใช่เหมืองสาธารณะนั้น ก็ไม่มีกรณีที่ศาลจะวินิจฉัยได้ เพราะไม่ทำให้ผลในคดีเปลี่ยนแปลงชอบที่จำเลยจะว่ากล่าวข้อพิพาทกรรมสิทธิ์ในเหมืองรายนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

พิพากษายืน

Share