แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อสามเณรสองรูปซึ่งหน้า เพราะเหตุที่ใช้ไปขอเทียนจากพระภิกษุรูปหนึ่งไม่ได้ ว่า’ถ้าไม่ไปเดี๋ยวกูจะเตะลงกุฏิให้หมด’ นั้นเป็นถ้อยคำที่จำเลยกล่าวแก่บุคคลที่ประชาชนทั่วไปถือว่าควรเคารพกว่าบุคคลธรรมดา ฉะนั้น จึงไม่แต่เพียงจะเป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพและข่มขู่เท่านั้น หากเป็นการดูหมิ่นตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ด้วย(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2504)
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า
ก. จำเลยได้ใช้สามเณรอุดมไปขอเทียนจากพระภิกษุนาคสามเณรอุดมว่าไม่มี จำเลยได้บังอาจหมิ่นประมาทใส่ความพระภิกษุนาคโดยกล่าววาจาต่อหน้าสามเณรอุดมและคนอื่นว่า “ถ้าไม่ไปบอกพระภิกษุนาคมาหากูไป๊ กูจะเตะพระนาคให้คอขาด” การกระทำของจำเลยเป็นการที่น่าจะทำให้พระภิกษุนาคเสียชื่อเสียงและถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
ข. จำเลยได้บังอาจกล่าววาจาดูหมิ่นสามเณรอุดมและสามเณรโสภณซึ่งหน้าเพราะเหตุที่ใช้ไปขอเทียนจากพระภิกษุนาคไม่ได้ว่า”ถ้าใช้ไม่ได้หย้วน (ใช้ไม่ไป) ให้สูไปอยู่วัดอื่น เดี๋ยวกูจะเตะลงกุฏิให้หมด” ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 393, 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำกล่าวของจำเลยเป็นแต่เพียงถ้อยคำไม่สุภาพและข่มขู่บ้างเท่านั้น ไม่เป็นความผิด จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า
ตามฟ้องข้อ ก. ที่ว่าจำเลยหมิ่นประมาทพระภิกษุนาคนั้นถ้อยคำที่จำเลยกล่าวไม่ใช่เป็นคำใส่ความอันจะทำให้พระภิกษุนาคเสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่นเกลียดชังอย่างไร คำพิพากษาฎีกาที่ 02/2496 ที่โจทก์อ้างเป็นเรื่องที่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ถ้อยคำที่เป็นหมิ่นประมาทนั้นถือว่าเป็นผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ได้ เรื่องนี้พระภิกษุนาคไม่ใช่เจ้าพนักงานและคำที่จำเลยกล่าวก็ไม่เป็นหมิ่นประมาท ฉะนั้น จึงจะนำคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวมาเทียบไม่ได้ ศาลล่างพิพากษาชอบแล้ว
ส่วนตามฟ้องข้อ ข. ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวจำเลยกล่าวต่อสามเณรทั้งสองซึ่งหน้าว่าถ้าไม่ไป เดี๋ยวกูจะเตะลงกุฏิให้หมดนั้นเป็นถ้อยคำที่จำเลยมิได้กล่าวแก่บุคคลที่มีฐานะต่ำกว่า แต่ได้กล่าวแก่สามเรณซึ่งเป็นบุคคลที่ประชาชนทั่วไปถือว่าควรเคารพกว่าบุคคลธรรมดา ฉะนั้นจึงไม่แต่เพียงจะเป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพและข่มขู่เท่านั้นหากเป็นการดูหมิ่นตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393ให้ปรับเป็นเงิน 100 บาท นอกจากที่แก้นี้แล้วให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์