แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในคดีล้มละลายแล้วเจ้าหนี้ต้องไปขอรับชำระหนี้ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมาดำเนินคดีทางศาลหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไปแล้ว โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์แต่เสียค่าธรรมเนียมไม่ครบถ้วน ศาลมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมให้ครบ โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งโดยทำเป็นคำร้องยื่นไปยังศาลอุทธรณ์ตาม มาตรา 234 หาใช่ยื่นฟ้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ เช่นนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม มาตรา 236 วรรคต้น โจทก์จะฎีกาหาได้ไม่
อ้างฎีกาที่ 1223/2498
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาททับเด็กชายตี๋ย้ง บุตรบาดเจ็บสาหัส เรียกค่าเสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธและว่าจำเลยต้องคำสั่งศาลแพ่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีภายหลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในคดีล้มละลายแล้วตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 27 โจทก์จะมาดำเนินคดีทางศาลไม่ได้ ต้องไปขอรับชำระหนี้ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เสียค่าธรรมเนียมไม่ครบ ศาลชั้นต้นสั่ง (ตามคำสั่งศาลอุทธรณ์) ให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมให้ครบ โจทก์ร้องขอทุเลาการชำระค่าธรรมเนียมและยื่นอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 บังคับให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นมาตรา 232 บังคับให้ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์แล้วมีคำสั่งให้ส่งหรือปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์จำต้องอยู่อุทธรณ์คำสั่งปฏิเสธโดยทำเป็นคำร้องยื่นไปยังศาลอุทธรณ์ตามมาตรา 234 ถ้าศาลอุทธรณ์สั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นเช่นคดีนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ต้องเป็นที่สุดตามมาตรา 236 วรรคต้น ดังตัวอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ 1223/2498 ระหว่างนางบุญรอด โจทก์ นายแบนกับพวก จำเลย โจทก์ฎีกาไม่ได้ จึงให้ยกฎีกาโจทก์