แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยแต่ละฝ่ายยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งรับโอนมรดกตามส่วนที่ตกลงแบ่งกัน จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อโจทก์ไปคัดค้านมิให้จำเลยได้รับโอนมรดกตามสัญญาประนีประนอมยอมความแสดงว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญายอมซึ่งเป็นสัญญาต่างตอบแทน โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะให้ศาลบังคับปฏิบัติตามสัญญายอมเช่นกัน
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความระงับข้อพิพาทเรื่องทรัพย์มรดกของนางสวิง รัศมิทัต โดยที่ดินโฉนดเลขที่ 1842, 1843 และ1844 แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างในส่วนของจำเลยยอมยกให้โจทก์โดยไม่คิดค่าตอบแทน ส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 2893 แขวงสวนหลวง(ที่ 8 พระโขนงฝั่งเหนือ) พร้อมสิ่งปลูกสร้างกับที่ดินโฉนดเลขที่ 68903, 184852 และ184853 แขวงสวนหลวง เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร จำเลยขอสละสิทธิที่จะรับมรดกหากพึงมีให้แก่โจทก์ สำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ 48306, 48308, 48322 ถึง 48335 แขวงบางกะปิ (ลาดพร้าวฝั่งเหนือ) เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร โจทก์ขอสละสิทธิที่จะรับส่วนมรดกในที่ดินดังกล่าว หากจะพึงมีให้แก่จำเลย ให้แบ่งเงินสดสลากออมสิน ให้แก่โจทก์ จำเลย และนายวิสุทธิ์ รัศมิทัต คนละส่วนเท่า ๆ กัน โจทก์และจำเลยตกลงแต่งตั้งให้นายศลย์ ไชยสุต และนายอุดมศักดิ์ ศุกรวรรณ เป็นผู้จัดการมรดกของนางสวิง รัศมิทัตโดยจะไปดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป ส่วนทรัพย์มรดกอื่นของนางสวิง รัศมิทัตโจทก์และจำเลยตกลงให้เป็นไปตามที่กำหนดในพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 19 เมษายน2533… ศาลชั้นต้นพิพากษาไปตามยอม
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า ศาลชั้นต้นได้มีหนังสือแจ้งคำสั่งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางรัก เพื่อให้จัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1842,1843 และ 1844 แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ได้เตรียมหลักฐานไปติดต่อกับเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอรับโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถจดทะเบียนได้ เพราะจำเลยไม่ยอมส่งมอบโฉนดที่ดินทั้ง ๆ ที่โจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยก็เพิกเฉย จึงขอให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์เพื่อดำเนินการต่อไป
จำเลยยื่นคำคัดค้านคำร้องของโจทก์ แต่ยื่นเลยกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 1842, 1843 และ 1844แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ให้แก่โจทก์เพื่อดำเนินการตามสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับลงวันที่ 8 เมษายน 2534 ต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยยื่นคำคัดค้านว่าจำเลยเคยไปขอรับโอนมรดกส่วนที่จำเลยจะได้รับตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์กลับไปคัดค้านอ้างว่ามิใช่เป็นมรดกของนางสวิง รัศมิทัต คนเดียว แต่เป็นมรดกของนายศิริ รัศมิทัต ผู้เป็นบิดา ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งรวมอยู่ด้วย และฟ้องขอแบ่งที่ดินส่วนที่จำเลยจะได้รับจนจำเลยไม่สามารถรับโอนมรดกตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้ แต่ส่วนที่โจทก์จะได้รับตามสัญญาประนีประนอมยอมความกลับไม่มีส่วนที่เป็นมรดกของบิดาซึ่งจำเลยก็มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งรวมอยู่ด้วยแต่อย่างใด โจทก์จะเอาแต่ได้ของตนฝ่ายเดียว เห็นว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยแต่ละฝ่ายยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งรับโอนมรดกตามส่วนที่ตกลงแบ่งกัน จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อโจทก์ไปคัดค้านมิให้จำเลยได้รับโอนมรดกตามสัญญาประนีประนอมยอมความแสดงว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญายอมซึ่งเป็นสัญญาต่างตอบแทน โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะให้ศาลบังคับให้จำเลยต้องปฏิบัติตามสัญญายอมเช่นกัน ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาให้จำเลยส่งโฉนดที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามคำร้องไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง