คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มาด้วยกัน 3 คน จำเลยที่ 1 ผู้เดียวฟันผู้เสียหายแล้วคนทั้งสามก็วิ่งหนีไปด้วยกัน เป็นเรื่องเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 คนเดียวเท่านั้น เพราะอีก 2 คน ไม่ทราบด้วยไม่ใช่เป็นเรื่องสมคบกันมากระทำความผิด

ย่อยาว

คดีได้ความว่าวันเกิดเหตุเวลาราว 20 น. นายปานยืนตกเบ็ดอยู่บนทำนบ มีชาย 3 คนเดินมา นายปานหลีกทางให้ นายจ้อยหรือบุญช่วยจำเลยที่ 2 ออกหน้า คนไม่รู้จักชื่อเดินกลาง นายแหลมจำเลยที่ 1 เดินหลังห่างคนไม่รู้จักชื่อราววาเศษ สองคนแรกเดินพ้นไปไม่หยุดแต่พอนายแหลมจำเลยที่ 1 เดินพ้นแล้วหยุดหันกลับมาพูดกับนายปานคนละคำนายแหลมฟันเอา 1 ที นายปานร้องระบุว่า อ้ายแหลมฟัน คนทั้งสามวิ่งหนีไปด้วยกัน

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 2 ว่าใช้ไม้ตีนายปานเพื่อป้องกันตัวและทรัพย์

ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันทำร้ายนายปานจริงดังข้อหาจำคุกคนละ 1 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 254, 63

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนฟันจำเลยที่ 2ไม่ได้ทำอะไรด้วย ไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่าเป็นการสมคบ จึงพิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 2 ยังไม่มีความผิดให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมคบด้วย

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีไม่ปรากฏเลยว่าคนทั้งสามนี้ได้สมคบกันมาเพื่อจะกระทำร้ายนายปาน เมื่อพบนายปานแล้วนายจ้อยหรือบุญช่วยจำเลยที่ 2 ก็เดินผ่านเลยไปตามปกติ ตอนนายแหลมจำเลยที่ 1 หยุดถามนายปานนั้น นายปานก็ให้การรับว่า สองคนที่เดินหน้าคงเดินเรื่อยไปหาได้หยุดด้วยไม่ไม่มีช่องทางที่จะแสดงให้เห็นว่าคนเดินหน้าจะรู้ได้อย่างไรอย่างใดว่านายแหลมจำเลยที่ 1 ผู้ซึ่งเดินตามมาข้างหลังนั้นจะหยุดหรือจะกลับทำร้ายนายปาน และตามคำให้การของนายปานเองยืนยันว่าทีแรกนายแหลมจำเลยที่ 1 เดินผ่านพ้นไปเช่นเดียวกับสองคนแรก แต่แล้วกลับหยุดหันมาถามนายปานแล้ว จึงฟัน ซึ่งแสดงว่าเป็นความคิดซึ่งเกิดขึ้นในปัจจุบันนั้นเองจึงเป็นเรื่องเฉพาะตัวของนายแหลมจำเลยที่ 1 คนเดียวเท่านั้น การที่นายจ้อยหรือบุญช่วยจำเลยที่ 2 พลอยวิ่งหนีไปด้วยกันดังนั้น อาจเป็นเพราะตกใจกลัวที่นายปานร้องบอกกล่าวขึ้นว่าถูกฟันนั้นก็ได้ ไม่พอเป็นเหตุผลที่จะแสดงว่าเป็นเรื่องสมคบกันมากระทำความผิด

อนึ่งการที่นายจ้อยหรือบุญช่วยจำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่านายปานมาลักปลาและจะทำร้าย จำเลยจึงได้เอาไม้ตีไปเพื่อป้องกันนั้น ก็ไม่ตรงกับบาดแผลของนายปานซึ่งปรากฏว่าถูกฟัน อาจเป็นการคิดแก้ตัวขึ้นใหม่ในภายหลังที่เกิดเหตุขึ้นแล้วเพื่อปลีกตัวให้นายแหลมจำเลยที่ 1 ผู้เป็นบิดารอดพ้นความผิดเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องสมคบกันกระทำความผิดตั้งแต่แรก

จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share