แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ปัญหาเรื่องอัตราดอกเบี้ยขัดต่อกฎหมายหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้มิได้มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ก็มีอำนาจยกข้อกฎหมายดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบมาตรา 246
สัญญากู้ยืมระบุว่า ผู้กู้ยอมเสียดอกเบี้ยให้แก่ผู้ให้กู้ในอัตราสูงสุดตามประกาศของธนาคารโจทก์ แต่ตามประกาศกำหนดดอกเบี้ยของโจทก์ในขณะทำสัญญากู้ยืมกำหนดอัตราดอกเบี้ยเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลาร้อยละ14.50 ต่อปี ไม่มีข้อความตอนใดในประกาศดังกล่าวที่กำหนดให้โจทก์เรียกดอกเบี้ยได้ถึงร้อยละ 19 ต่อปี ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยที่ระบุในสัญญากู้ยืมจึงสูงกว่าที่โจทก์มีสิทธิจะเรียกเก็บได้ตามกฎหมาย และขัดต่อ พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯมาตรา 3(ก) ข้อกำหนดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 19 ต่อปี ในสัญญากู้ยืมจึงตกเป็นโมฆะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกู้ยืมเงินโจทก์ สาขาหนองคาย จำนวน 300,000 บาทยินยอมให้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี และยินยอมให้โจทก์เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวได้ตามประกาศของโจทก์ จำเลยที่ 2 ได้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 32835ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ต่อโจทก์เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้ ครบกำหนดสัญญาแล้วจำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระหนี้ขอบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 508,192.04 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15 ต่อปี จากต้นเงิน 300,265.02 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 32835 พร้อมสิ่งปลูกสร้างนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ หากไม่พอชำระหนี้หรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 490,176.14 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14 ต่อปี จากต้นเงิน 300,265.02 บาท นับถัดจากวันที่ 9ธันวาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหรือชำระไม่ครบให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 32835 ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคายพร้อมสิ่งปลูกสร้างนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์จนครบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน295,918.10 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2540เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในประการแรกว่าศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีอำนาจหยิบยกปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ในสัญญากู้ยืมระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ตามเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 2 เป็นโมฆะหรือไม่ เพราะเป็นข้อที่มิได้มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นเห็นว่าปัญหาเรื่องอัตราดอกเบี้ยขัดต่อกฎหมายหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้มิได้มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ภาค 4 ก็มีอำนาจยกข้อกฎหมายดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบมาตรา 246 ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาวินิจฉัยในประการที่สองมีว่า อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ในสัญญากู้ยืมเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 2 เป็นโมฆะหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้มีประกาศของโจทก์ที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้แล้วซึ่งตามประเพณีของโจทก์ต้องรวมอัตราความเสี่ยงอีกร้อยละ 2 ด้วย ฉะนั้น อัตราดอกเบี้ยตามประกาศของโจทก์ที่โจทก์กำหนดไว้ในสัญญากู้ยืมจึงเป็นการกำหนดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ถึงแม้โจทก์กำหนดในสัญญากู้ยืมร้อยละ 19 ต่อปี แต่โจทก์ก็ไม่ได้เรียกดอกเบี้ยถึงร้อยละ 19 ต่อปี จึงไม่ขัดต่อกฎหมายและไม่เป็นโมฆะนั้น เห็นว่า สัญญากู้ยืมเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 2 ระบุว่าผู้กู้ยอมเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่กู้ตามข้อ 1 ให้แก่ผู้ให้กู้ในอัตราสูงสุดตามประกาศของโจทก์ (ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 19 ต่อปี) แต่ตามประกาศของโจทก์เอกสารหมาย จ.11แผ่นที่ 42 ถึง 44 ซึ่งเป็นประกาศกำหนดอัตราดอกเบี้ยของโจทก์ที่ใช้บังคับในขณะทำสัญญากู้ยืมเอกสารหมาย จ.4 โจทก์กำหนดอัตราดอกเบี้ยเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลาร้อยละ 14.50 ต่อปี ไม่มีข้อความตอนใดในประกาศดังกล่าวที่กำหนดให้โจทก์เรียกดอกเบี้ยได้ถึงร้อยละ 19 ต่อปี ดังที่ระบุในสัญญากู้ยืมเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 2 แต่ประการใดอัตราดอกเบี้ยที่ระบุในสัญญากู้ยืมดังกล่าวจึงสูงกว่าที่โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกเก็บได้ตามกฎหมายและขัดต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3(ก) ข้อกำหนดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 19 ต่อปีในสัญญากู้ยืมเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 2 จึงตกเป็นโมฆะ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน