แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เป็นเจ้าพนักงานทำการจับกุมเขาโดยชอบแล้ว แต่กลับทุจริตเรียกและรับเงินแล้วปล่อยตัวไปไม่ส่งตัวเพื่อดำเนินคดี ความผิดย่อมเข้าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2502 มาตรา 5 แต่ไม่ผิดมาตรา 148 เพราะมาตรา148 เป็นเรื่องเริ่มต้นด้วยการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ แต่มาตรา 149 นั้น เป็นเรื่องเริ่มต้นโดยใช้อำนาจในตำแหน่งโดยชอบแล้วกลับทุจริต
อนึ่ง เมื่อผิดมาตรา 149 อันเป็นบทเฉพาะแล้วย่อมไม่ผิดมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเป็นพนักงานจับกุมนายไต้เจียวในข้อหาว่าใช้เครื่องชั่งผิดพิกัดแล้วพูดจูงใจเรียกและรับเงินจากนายไต้เจียวแล้วปล่อยตัวไปไม่นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี พิพากษาว่าผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 149, 157 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 4, 5, 13 แต่ให้ลงบทหนักที่สุด คือมาตรา 148 หรือ 149 ซึ่งทั้งสองมาตรานี้โทษเท่ากัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 5 แต่บทเดียว
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังยุติว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ได้จับกุมผู้เสียหายในข้อหาใช้เครื่องชั่งผิดพิกัดแล้วพูดจูงใจเรียกและรับเงินจากผู้เสียหายแล้วปล่อยตัวไปไม่นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ความผิดของจำเลยเข้ามาตรา 149 ประมวลกฎหมายอาญาแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 4 แต่ไม่ผิดมาตรา 148 เพราะมาตรา 148 นั้น เป็นเรื่องเริ่มต้นด้วยการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ แต่ในคดีนี้ข้อเท็จจริงยุติว่า ได้เริ่มใช้อำนาจจับกุมโดยชอบแล้วจึงทุจริต ความผิดจึงเข้ามาตรา 149 เท่านั้น อนึ่ง เมื่อผิดมาตรา 149 ดังกล่าว ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว ย่อมไม่ผิดมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาโจทก์