คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2833/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องประกอบกิจการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติต้องใช้บุคลากรจำนวนมาก การดำเนินกิจการมีกำไรตลอดมา ทั้งปริมาณงานและผลผลิตมิได้ลดลง ส่วนที่มีการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่นและแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าลดลง ทำให้ต้องผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติลดลงนั้นเป็นเพียงการคาดคะเนแม้เป็นมูลเหตุให้ผู้ร้องต้องปรับโครงสร้างบุคลากร แต่ก็ไม่มีผลทำให้ต้องยุบหน่วยงานที่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างทำงานอยู่ ผู้ร้องกลับจ้างลูกจ้างเพิ่มขึ้นอีกหลายคน แม้มิได้ให้ทำงานในแผนกที่ผู้คัดค้านทำงานอยู่ แต่ย่อมจะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่วนการลดจำนวนบุคลากรลงให้เหมาะสมกับงาน แม้ผู้ร้องได้กำหนดหลักเกณฑ์ขึ้นพิจารณาแก่ลูกจ้างทุกคนแต่ผลการประเมินได้ระบุเพียงว่าผลปฏิบัติงานของผู้คัดค้านได้คะแนนต่ำสุดของหน่วยงานเท่านั้น โดยไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านไม่สามารถทำงานให้ดีได้หรือทำงานให้ผู้ร้องเสียหายอย่างไร หรือได้กระทำผิดประการใด หรือมีความจำเป็นเพียงใดที่จะต้องเลิกจ้างเฉพาะผู้คัดค้านเท่านั้น จึงไม่มีเหตุอันสมควรและเพียงพอถึงขนาดที่ผู้ร้องจะเลิกจ้างผู้คัดค้านได้

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวน ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมการพิจารณาเข้าด้วยกันโดยเรียกผู้คัดค้านตามลำดับสำนวนว่า ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2

ผู้ร้องยื่นคำร้องทั้งสองสำนวนทำนองเดียวกันว่า ผู้คัดค้านทั้งสองเป็นลูกจ้างผู้ร้องและเป็นกรรมการลูกจ้างในกิจการของผู้ร้องซึ่งประกอบกิจการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศ นับแต่ปลายปี 2541 ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติตกต่ำลงทั่วโลก ทั้งปริมาณการใช้ลดลงเนื่องจากปัญหาทางด้านเศรษฐกิจส่งผลให้ยอดจำหน่ายลดลง จากเหตุต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดจนเหตุที่จะเกิดในอนาคต ผู้ร้องจะต้องประสบปัญหาดังกล่าวไปอีกนาน และจะประสบปัญหาด้านการแข่งขันทางการตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2542 ถ้าผู้ร้องไม่ปรับปรุงการดำเนินงานทุกด้านเพื่อรองรับสภาวะการณ์ดังกล่าวแล้ว ผู้ร้องจะต้องประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจอย่างรุนแรง ผู้ร้องจำต้องลดปริมาณงานและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ส่วนที่เกินกว่าความจำเป็นในการประกอบการให้เหลือเท่าที่จำเป็น ส่วนหนึ่งของการลดปริมาณงานและค่าใช้จ่ายส่วนที่เกินความจำเป็นคือการลดจำนวนบุคลากรลงให้มีจำนวนเหมาะสมกับงานที่มีอยู่ ผู้ร้องได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อทำหน้าที่วิเคราะห์หาจำนวนบุคลากรที่จำเป็นและเหมาะสมในการดำเนินกิจการในภาวะปัจจุบัน หลักเกณฑ์ในการจัดสรรบุคลากรตลอดจนสิทธิประโยชน์อันพึงตอบแทนต่อพนักงานซึ่งอยู่ในข่ายต้องถูกปรับลดและสมัครใจลาออก คณะกรรมการดังกล่าวได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่ยอมรับกันโดยทั่วไปด้วยความเป็นธรรม จนสรุปได้ว่ามีพนักงานซึ่งปรับลดลงได้ 51 คนโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพในการดำเนินกิจการของผู้ร้องทั้งในภาวะปัจจุบันและอนาคตอันใกล้จึงได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ดังกล่าว จนในที่สุดมีพนักงานสมัครใจออกจากงานตามโครงการไปแล้ว 49 คน ผู้คัดค้านทั้งสองเป็นพนักงานซึ่งมีคุณสมบัติต้องด้วยหลักเกณฑ์ที่จะต้องถูกปรับลด ผู้ร้องจึงได้เสนอให้ลาออกโดยรับสิทธิประโยชน์ เช่นเดียวกับพนักงานอื่น ๆ แต่ผู้คัดค้านทั้งสองไม่ตกลงยินยอมลาออกเนื่องจากผู้คัดค้านทั้งสองเป็นกรรมการลูกจ้าง ผู้ร้องไม่อาจเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งสองได้โดยพลการ จึงร้องขอต่อศาลเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งสอง

ผู้คัดค้านทั้งสองสำนวนยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้ร้องมีผลประกอบการดีขึ้นยอดขายสูงขึ้น และมีกำไรมาโดยตลอด ทั้งราคาน้ำมันก็สูงขึ้นปริมาณงานไม่ได้ลดลงตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง และผู้ร้องรับผู้รับเหมาเข้ามาทำงานมากขึ้นอีกด้วย ผู้ร้องต้องการลดพนักงานเพียง 51 คน แต่มีผู้สมัครใจลาออกถึง 52 คน ผู้ร้องชอบที่จะเลือกพนักงานที่ประสงค์จะลาออกก่อน ผู้ร้องไม่มีความจำเป็นต้องกำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดสรรพนักงานอีก ผู้ร้องไม่เคยแจ้งหลักเกณฑ์ในการจัดสรรให้พนักงานทราบ ที่ผู้ร้องต้องการเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งสองซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างเป็นการไม่ยุติธรรมต่อผู้คัดค้านทั้งสองตามระเบียบข้อบังคับของผู้ร้องเรื่อง นโยบายบริหารงานบุคคล พนักงานของผู้ร้องเกษียณอายุ 55 ปี มีสวัสดิการต่าง ๆ โดยเฉพาะพนักงานที่ต้องออกไปทำงานในอ่าวไทยต้องเสี่ยงอันตรายแก่ชีวิต ผู้คัดค้านทั้งสองทำงานให้ผู้ร้องในอ่าวไทยมาตลอด จากเงินเดือนครั้งแรก 6,000 บาทเศษ มามีเงินเดือนสูงมีเวลาทำงานจนเกษียณอีก 13 ปีและ 15 ปี ตามลำดับ ถ้าถูกเลิกจ้าง เมื่อผู้คัดค้านทั้งสองไปหางานใหม่ต้องรับอัตราค่าจ้างตามวุฒิการศึกษาซึ่งจะได้ค่าจ้างเพียงเดือนละ 6,000 บาท และไม่เกิน10,000 บาท ตามลำดับ ผู้คัดค้านทั้งสองต้องขาดรายได้จำนวนมาก ไม่สามารถหารายได้ให้พอกับค่าใช้จ่ายที่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว ขอให้ยกคำร้อง

ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่า ผู้ร้องประกอบกิจการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเพื่อจำหน่าย ผู้คัดค้านทั้งสองเป็นลูกจ้างผู้ร้องและเป็นกรรมการลูกจ้าง ผู้ร้องมีความจำเป็นต้องปรับลดโครงสร้างบุคลากรโดยเปิดโอกาสให้ลูกจ้างสมัครใจลาออก และโดยการประเมินประสิทธิภาพการทำงานที่ผ่านมาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการของผู้ร้องกำหนดขึ้นผลการประเมินของคณะกรรมการจัดสรรบุคลากรปรากฏว่า ผู้คัดค้านทั้งสองได้คะแนนต่ำสุดของหน่วยงานและไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องกลั่นแกล้งหรือมีพฤติการณ์ส่อว่าผู้ร้องมีเจตนาขัดขวางการดำเนินงานของผู้คัดค้านทั้งสองในฐานะกรรมการลูกจ้าง แต่กลับจะจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้คัดค้านทั้งสองไม่น้อยกว่าสิทธิและผลประโยชน์ตอบแทนตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่จะจ่ายให้แก่พนักงานที่สมัครใจลาออกตามโครงการดังกล่าว ถือว่ามีเหตุสมควรที่จะเลิกจ้างได้ อนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งสอง

ผู้คัดค้านทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ผู้คัดค้านทั้งสองว่า สมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องประกอบกิจการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการภายในประเทศ ซึ่งเป็นกิจการขนาดใหญ่ที่มีแหล่งผลิตถึง 14 แห่งต้องใช้บุคลากรจำนวนมาก แม้ในปี 2541 ปริมาณการใช้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะลดลงบ้างอันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจก็ตาม แต่การดำเนินกิจการของผู้ร้องยังมีกำไรตลอดมาทั้งปริมาณงานและผลผลิตก็มิได้ลดลง ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่นเกิดขึ้นและแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าลดลง ทำให้ผู้ร้องต้องผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติลดลงนั้นเป็นเพียงการคาดคะเนต่อเหตุการณ์ข้างหน้าเท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่เกิดผลดังเช่นผู้ร้องคาดคะเนก็ได้ และแม้การคาดคะเนดังกล่าวเป็นมูลเหตุให้ผู้ร้องต้องปรับโครงสร้างบุคลากร แต่การปรับปรุงโครงสร้างดังกล่าวก็ไม่มีผลทำให้ผู้ร้องต้องยุบหน่วยงานที่ผู้คัดค้านทั้งสองทำงานอยู่หรือหน่วยงานอื่นของผู้ร้อง ผู้ร้องกลับจ้างผู้รับเหมาให้ทำงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ร้องได้จ้างลูกจ้างเพิ่มขึ้นอีกหลายคน แม้การจ้างดังกล่าวมิได้ให้ทำงานในแผนกที่ผู้คัดค้านทั้งสองทำงานอยู่ แต่ย่อมจะทำให้ค่าใช้จ่ายของผู้ร้องเพิ่มขึ้น ส่วนการปรับปรุงโครงสร้างบุคลากรโดยการลดจำนวนบุคลากรลงให้เหมาะสมกับงาน แม้เป็นอำนาจบริหารของนายจ้างจนเป็นผลให้ต้องเลิกจ้างลูกจ้างได้ แต่ต้องเป็นการกระทำที่มีเหตุอันสมควรและเพียงพอที่จะเลิกจ้างและต้องเป็นธรรมต่อลูกจ้างด้วย การลดจำนวนลูกจ้างแม้ผู้ร้องได้กำหนดหลักเกณฑ์ขึ้นพิจารณาแก่ลูกจ้างทุกคนก็ตาม แต่ผลการประเมินได้ระบุเพียงว่าผลปฏิบัติงานของผู้คัดค้านทั้งสองได้คะแนนต่ำสุดของหน่วยงานเท่านั้น โดยไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านทั้งสองไม่สามารถทำงานให้ดีได้หรือทำงานให้ผู้ร้องเสียหายอย่างไร หรือผู้คัดค้านทั้งสองได้กระทำผิดประการใดหรือมีความจำเป็นเพียงใดที่จะต้องเลิกจ้างลูกจ้างในแผนกไฟฟ้าระดับ 5 และแผนกอุปกรณ์ของแหล่งผลิตเอราวัณเฉพาะผู้คัดค้านเพียงสองคนเท่านั้น จึงไม่มีเหตุอันสมควรและเพียงพอถึงขนาดที่ผู้ร้องจะเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งสอง ที่ศาลแรงงานกลางอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งสองไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ผู้คัดค้านทั้งสองฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสองสำนวน

Share