คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3860/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้อแรกว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทอื่น การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรย้อนสำนวนไปให้ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยประเด็นอื่นที่ยังมิได้วินิจฉัย ดังนี้แม้อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นก็มีผลเพียงว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องเท่านั้น ยังมิได้ทำให้โจทก์ชนะคดีตามคำขอบังคับท้ายฟ้อง ถือไม่ได้ว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ในชั้นอุทธรณ์ หากแต่เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ (2)(ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของจำเลยและการประเมินของพนักงานเก็บภาษีเขตปทุมวัน และให้ประเมินค่ารายปีกับค่าภาษีโรงเรือนของอาคารเลขที่ 4/1-2 ถนนราชดำริ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร สำหรับปี พ.ศ. 2535 ถึงปี พ.ศ. 2543 ตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้อง ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 76,395,688.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งเรียกสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เข้าเป็นโจทก์ร่วมจำเลยให้การสู้คดีขอให้ยกฟ้อง ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์และโจทก์ร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความ 30,000 บาท โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งว่าคดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์เป็นรายข้อหาตามจำนวนปี ศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้ในประเด็นแห่งคดีโจทก์อุทธรณ์ จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามฟ้องเป็นรายข้อหาดังที่เสียไว้ในขณะยื่นฟ้อง การที่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท จึงไม่ชอบ ให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลให้ครบภายใน 7 วัน

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “เห็นว่าคดีนี้ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้อแรกเรื่องอำนาจฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทอื่น การที่โจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางในประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวโดยอ้างว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรย้อนสำนวนไปให้ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยประเด็นอื่นที่ยังมิได้วินิจฉัย ดังนี้แม้อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นก็มีผลเพียงว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยเท่านั้น ยังมิได้ทำให้โจทก์ชนะคดีตามคำขอบังคับท้ายฟ้องแต่ประการใด ถือไม่ได้ว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ในชั้นอุทธรณ์ หากแต่เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ(2)(ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มเป็นรายข้อหาศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้ศาลภาษีอากรกลางรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป

Share