คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2721/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์นั้น การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์และระยะเวลาแห่งการครอบครองย่อมเป็นข้อสำคัญในคดีการที่จำเลยเบิกความในคดีแพ่ง ซึ่งจำเลยร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดว่าเจ้าของที่ดินยกที่ดินให้จำเลยพร้อมกับมอบโฉนดให้และจำเลยครอบครอง ทำประโยชน์ติดต่อกันมาอย่างเป็นเจ้าของประมาณ15 ปีแล้วซึ่งเป็นความเท็จย่อมเป็นการเบิกความอันเป็นเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดีจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๗
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๗ วรรคแรก
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่านายผิว นายยวง นางแขและนายใย ไม่ได้ยกที่ดินและมอบโฉนดให้แก่จำเลย และเชื่อว่าก่อนปี พ.ศ. ๒๕๒๕ จำเลยไม่ได้ทำนาในที่ดินดังกล่าวคงปล่อยทิ้งร้างไว้ แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่าจำเลยเบิกความเป็นพยานในคดีแพ่งว่า เมื่อประมาณ ๑๕ ปีมานี้ นายยวง นางแขนายใย และนายผิว สินลาลัด ยกที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๒๗๑ ตำบลบางหลวงอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ให้จำเลยทำกินพร้อมกับมอบโฉนดให้ และจำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ติดต่อกันมาอย่างเป็นเจ้าของประมาณ ๑๕ ปีแล้ว จึงเป็นการเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล และในคดีนั้นเป็นคดีขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ และระยะเวลาแห่งการครอบครองย่อมเป็นข้อสำคัญในคดีจำเลยเบิกความอันเป็นเท็จในข้อดังกล่าวจึงเป็นข้อสำคัญในคดี จำเลยย่อมมีความผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share