คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช่าที่ส่วนหนึ่งจากเจ้าของที่ดิน และมีข้อตกลงกันว่าคู่สัญญามีสิทธิใช้คูร่วมกัน ในการใช้น้ำก็ดี ในการจอดเรือก็ดี ดังนี้ เจ้าของที่ดินหรือผู้รับโอนถมคูดังกล่าวเสีย ทำให้ผู้เช่าที่ดินไม่ได้ใช้น้ำ ไม่สามารถนำเรือเข้าออกในคู ผู้เช่าที่ดินมีสิทธิเรียกค่าเสียหายและให้เปิดคูให้คืนดีตามสภาพเดิมได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 ในฐานะส่วนตัวและผู้เริ่มการของโจทก์ที่ 2 ทำสัญญาแบ่งเช่าที่ดินของหม่อมเจ้าเกียรติประวัติ ตามสัญญาเช่าท้ายฟ้อง ตามสัญญาเช่านั้นมีข้อตกลงกันว่า คูให้ต่างมีสิทธิจะใช้ร่วมกันในการใช้น้ำก็ดี ในการจอดเรือก็ดี

ต่อมาจำเลยซื้อที่จากหม่อมเจ้าเกียรติประวัติ สัญญาเช่าจึงติดไปด้วย

ต่อมาจำเลยปิดกั้นและถมคู เป็นเหตุให้โจทก์ไม่ได้ใช้น้ำและไม่สามารถนำเรือเข้าออกในคู จึงเป็นละเมิดทำให้โจทก์เสียหายโจทก์จึงฟ้องให้จำเลยจัดการให้คูคงสภาพเดิม และให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การรับว่า จำเลยซื้อที่จากหม่อมเจ้าเกียรติประวัติจริงและมีการเช่าตามสัญญาท้ายฟ้องจริง ต่อสู้ว่า โจทก์หมดความจำเป็นแล้วที่จะต้องใช้คู โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหาย จำเลยถมคูสร้างอาคารเป็นการใช้สิทธิในที่ของจำเลยโดยสุจริต ทั้งก่อนที่จำเลยจะถมคู จำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบแล้ว โจทก์ไม่ทักท้วง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเปิดคู เพื่อโจทก์ใช้เป็นทางลำเลียงขนส่งและใช้น้ำตามสัญญา ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์วันละ 10 บาท นับตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2494 จนถึงวันพิพากษาตอนหนึ่งและต่อจากวันพิพากษา ตลอดไปจนกว่าจะเปิดคูให้คืนดีตามสภาพเดิมอีกตอนหนึ่ง

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 1 ซึ่งฟ้องในฐานะส่วนตัว ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 ในอัตราวันละ 30 บาทนอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้ว ได้ความว่า ที่ดินของหม่อมเจ้าเกียรติประวัติ โจทก์ที่ 1 ทำสัญญาแบ่งเช่าจากหม่อมเจ้าเกียรติประวัติ แทนจำเลยที่ 2 สัญญาข้อ 1 มีว่า ส่วนคูนั้นตกลงกันว่า ต่างมีสิทธิจะใช้ร่วมกันในการใช้น้ำก็ดี ในการจอดเรือก็ดีต่อมาจำเลยได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากหม่อมเจ้าเกียรติประวัติจำเลยจัดการถมคูที่กล่าวข้างต้น

จำเลยฎีกาว่า

1. คูไม่ใช่วัตถุที่เช่า ข้อนี้ตามสัญญาข้อ 1 ที่ยกขึ้นแสดงไว้ข้างต้น ประกอบกับการนำสืบของฝ่ายโจทก์ ได้ความว่าคู่สัญญาตกลงกันให้ใช้คูเพื่อประโยชน์ของโจทก์ การใช้คูจึงเป็นวัตถุประสงค์แห่งการเช่าด้วย ข้อเถียงของจำเลยจึงไม่ใช่เหตุให้จำเลยชนะคดี

2. สัญญาเช่าระงับแล้ว ข้อนี้ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้น

3. ค่าเสียหายโจทก์นำสืบไม่ชัดแจ้ง นัยหนึ่งก็ว่า โจทก์นำสืบค่าเสียหายไม่ได้ ข้อนี้ปรากฏว่า โจทก์นำสืบถึงค่าเสียหายจนได้ความอย่างที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกขึ้นมาแสดงไว้ จะว่าโจทก์นำสืบไม่ได้อย่างไรเป็นอันว่า ฎีกาจำเลยไม่สามารถโต้แย้งข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์

ศาลนี้พิพากษายืน ให้จำเลยเสียค่าทนายชั้นนี้แทนโจทก์ 200 บาท

Share