คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกเคยถูกอัยการฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกง ศาลได้ลงโทษจำคุกจำเลยและให้จำเลยคืนเงินแก่บรรดาผู้เสียหายที่ได้ร้องทุกข์ซึ่งปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ร้องทุกข์คนหนึ่งด้วย
ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีแพ่ง จำเลยขอยื่นบัญชีระบุพยานและการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนั้นศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาดังนี้ย่อมตัดบทมิให้จำเลยสืบพยานผิดเพี้ยนไปอย่างใดอีก เมื่อจำเลยไม่อ้างข้อกฎหมายให้ชัดแจ้งว่าควรอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานด้วยเหตุใดจึงให้ยกเสีย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันทำธุระกิจรับฝากเงินจากประชาชนโดยจำเลยให้คำมั่นสัญญาจะจ่ายเงินคืนพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 50 ของเงินฝากเมื่อสิ้นระยะ 1 เดือน โจทก์ได้นำเงินไปฝากจำเลยหลายครั้งรวม 190,100 บาท ครั้นครบกำหนด 1 เดือนจำเลยไม่จ่ายต้นเงินและดอกเบี้ย โจทก์ทวงถามหลายครั้งไม่เป็นผลโดยปรากฏว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ บรรดาผู้ฝากเงินรายต่าง ๆ ทั้งสิ้นรวม 39,285,112 บาท 80 สตางค์ แต่จำเลยมีทรัพย์สินเหลืออยู่เพียง 3,221,601.75 บาท จำเลยจึงเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย

จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์และบุคคลอื่นนำเงินมามอบเพื่อรวมทุนกับจำเลยทำการค้าหวังกำไรหรือดอกเบี้ยแบ่งกัน ทุกคนต้องมีส่วนได้เสียเท่า ๆ กัน จำเลยไม่ได้รับฝากเงิน

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14ฯ

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเฉพาะข้อที่คัดค้านว่าศาลชั้นต้นไม่ยอมให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเท่านั้นข้อคัดค้านของจำเลยข้อนี้ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีอาญาที่พนักงานอัยการนราธิวาสโจทก์ฟ้องจำเลยกับพวกในความผิดฐานฉ้อโกงนั้นศาลได้ลงโทษจำคุกจำเลยและให้จำเลยคืนเงินแก่บรรดาผู้เสียหายที่ได้ร้องทุกข์ซึ่งปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ร้องทุกข์คนหนึ่งด้วยแล้วการพิพากษาคดี ส่วนแพ่งนั้นศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ดังนี้ย่อมตัดบทมิให้จำเลยสืบพยานผิดเพี้ยนไปอย่างใดอีก ศาลอุทธรณ์จึงเห็นว่าข้อที่จำเลยขอยื่นบัญชีและสืบพยานต่อไปจึงไม่ต้องวินิจฉัย

ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาของจำเลยมิได้อ้างข้อกฎหมายให้ชัดแจ้งว่าควรอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานด้วยเหตุใด ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงให้ยกฎีกาจำเลย

Share