คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าไก่ของกลางของผู้เสียหายได้หายไปต่อมาจับได้จากจำเลย จำเลยได้ไก่นี้มาโดยขณะที่กลับจากไร่ส่องไฟเห็นผู้ร้ายอุ้มไก่คนร้ายตกใจทิ้งไก่จำเลยเก็บไก่นั้นมาเลี้ยงไว้โดยเพื่อประโยชน์ของเจ้าของเองดังนี้จำเลยขาดเถยจิตเป็นโจรทั้งไม่ต้องด้วยความหมายของคำว่า’รับไว้ด้วยประการใดฯ’ ตาม มาตรา321(2)ยังไม่เป็นผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าได้มีคนร้ายลังอาจลักไก่ 1 ตัวของนายประสงค์ไปต่อมาเจ้าทรัพย์และเจ้าพนักงานได้ไก่ของกลางจากบ้านจำเลยทั้งนี้โดยจำเลยบังอาจลักไปหากรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้าย ขอให้ลงโทษ

จำเลยรับว่าได้ไก่ของกลางไว้จากคนร้ายก่อนถูกจับ 1 เดือนได้มาโดยขณะกลับบ้านระหว่างทางได้ฉายไฟส่องเห็นคนร้ายอุ้มไก่มาคนร้ายตกใจขว้างทิ้ง จำเลยเก็บมาเลี้ยงไว้โดยตั้งใจว่าหากเจ้าของมาพบเข้าจะได้คืนเขาไป

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ของกลางคืนเจ้าของ

โจทก์อุทธรณ์ว่าความผิดของจำเลยไม่ใช่ฐานยักยอกเก็บของตกเพราะอำนาจอันแท้จริงนั้นยังเป็นของเจ้าทรัพย์อยู่ และอย่างน้อยอยู่ในความยึดถือของคนร้ายจำเลยควรมีผิดฐานรับของโจร เพราะการกระทำของจำเลยเป็นการ”รับ” ตามความหมายใน มาตรา 321 แล้ว

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาในข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ โจทก์ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้นและศาลฎีกา จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าไก่ของกลางได้หายไปต่อมาจับได้จากจำเลย โดยจำเลยกลับจากไร่ส่องไฟเห็นผู้ร้ายอุ้มไก่ คนร้ายตกใจทิ้งไก่ จำเลยเก็บไก่นั้นมาเลี้ยงไว้โดยเพื่อประโยชน์ของเจ้าของเอง จำเลยขาดเถยยะจิตเป็นโจร ไม่ต้องด้วยความหมายของคำว่า “รับไว้ด้วยประการใด ๆ” ตามมาตรา 321(2) ไม่เป็นผิดพิพากษายืน

Share