คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าที่วิวาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ จำเลยให้การว่าไม่รับรองว่าที่วิวาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์หากว่าอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์จำเลยก็ครอบครองเป็นปรปักษ์มาเกิน 10 ปีแล้วดังนี้จำเลยย่อมนำสืบว่าที่วิวาทอยู่ในเขตโฉนดของบิดามารดาซึ่งตกทอดมาเป็นของจำเลยได้เพราะเกี่ยวกับประเด็นที่จำเลยต่อสู้เพื่อให้เห็นว่าจำเลยครอบครองที่วิวาทมา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าที่วิวาทเนื้อที่ราว 4 วาอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์จำเลยบุกรุกทับรั้วเข้าไปขอให้รื้อรั้วและห้ามเข้ามาเกี่ยวข้อง

จำเลยต่อสู้ว่าที่วิวาทเป็นของบิดามารดาแล้วตกมาเป็นของจำเลยบิดามารดาได้ครอบครองมากว่า 10 ปีแล้ว หากจะอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องเพราะจำเลยครอบครองเป็นปรปักษ์มาเกินกว่า 10 ปีแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามคำให้การของจำเลยคดีไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบว่าที่วิวาทอยู่ในเขตโฉนดของจำเลยพิพากษากลับให้จำเลยรื้อรั้ว และห้ามเกี่ยวข้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้จะตัดไม่ให้จำเลยนำสืบว่าที่วิวาทอยู่ในเขตโฉนดของบิดามารดาจำเลย แล้วจะสันนิษฐานว่าที่วิวาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ยังไม่ได้เพราะการนำสืบเช่นนี้ย่อมเกี่ยวกับประเด็นที่จำเลยต่อสู้เพื่อให้เห็นว่าจำเลยได้ครอบครองที่วิวาทมา เพราะที่วิวาทอยู่ในเขตโฉนดของบิดามารดาจำเลยมาแต่เดิมและถ้าปรากฏว่าที่วิวาทอยู่ในเขตโฉนดของบิดามารดาจำเลยก็ย่อมจะหักล้างข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าวิวาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์

จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share