คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลจะรับคำฟ้องไว้พิจารณาจะต้องตรวจดูคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา2(2) ว่าคดีอยู่ในเขตศาลนั้น
ในกรณีที่โจทก์ประสงค์จะยื่นคำฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลนั้นไม่มี กฎหมายบังคับให้โจทก์ต้องบรรยายไว้ในคำฟ้องให้ปรากฏว่ามูลกรณีเกิดขึ้นในเขตศาลนั้น ในกรณีเช่นนี้โจทก์จะบรรยายในคำฟ้องหรือในคำร้องก็ย่อมทราบได้ฉะนั้นจะบังคับให้โจทก์ต้องบรรยายในคำฟ้องโดยเฉพาะถึงสถานที่เกิดมูลคดีด้วยหาชอบไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมอบให้โจทก์เป็นตัวแทนจัดการขนส่งม้าแข่งมาให้จำเลยที่กรุงเทพฯ ยอมออกค่าใช้จ่ายในการนี้ทั้งหมด โจทก์มอบให้ร้านภรณีหาดใหญ่ติดต่อจ้างบริษัทที่สิงคโปร์ส่งม้ารายนี้ให้จำเลยได้รับไปแล้วจำเลยจ่ายเงินให้ไม่ครบ โจทก์ทวงถามก็เพิกเฉย จึงขอให้บังคับ และโจทก์ได้ยื่นคำร้องพร้อมฟ้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่ง แต่มูลกรณีเกิดในเขตศาลจังหวัดสงขลาและพยานโจทก์ทั้งหมดอยู่ในเขตศาลจังหวัดสงขลาเพื่อความสะดวกจึงขออนุญาตฟ้องคดีที่ศาลจังหวัดสงขลา

ศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่มีเหตุสมควรอนุญาตตามคำขอไม่รับฟ้องไว้พิจารณา

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีนี้เมื่อถ้าโจทก์จะฟ้องต่อศาลที่มูลกรณีเกิดขึ้นก็ต้องบรรยายไว้ในคำฟ้องให้เข้าใจได้ว่ามูลคดีเกิดในเขตศาลจังหวัดสงขลา หาใช่บอกไว้ในคำร้องไม่ เมื่อพิจารณาคำฟ้องไม่ปรากกว่าคดีอยู่ในเขตศาลจังหวัดสงขลา ๆ ย่อมรับไว้พิจารณาไม่ได้พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าที่จะรับคำฟ้องไว้พิจารณาจะต้องตรวจคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 2(2) ว่าคดีอยู่ในเขตศาลที่จะรับคำฟ้องนั้นเป็นการที่ต้องปฏิบัติตามวิธีสบัญญัติโดยปกติ แต่ในกรณีที่โจทกืประสงค์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขต ไม่มีบทบัญญัติใดบังคับว่าโจทก์จะบรรยายไว้ในคำฟ้องให้ปรากฏว่ามูลคดีเกิดขึ้นในศาลที่จะรับฟ้องไว้พิจารณานั้นด้วย และถึงจะบรรยายไว้เช่นนั้น เมื่อพิจารณาถึงคำฟ้องก็ปรากกว่าคดีมิได้อยู่ในเขตศาลที่จะรับฟ้องอยู่นั่นเอง ศาลฎีกาเห็นว่าในกรณีเช่นนี้โจทก์จะบรรยายในคำฟ้องหรือในคำร้องก็ย่อมเป็นที่ทราบได้เท่ากันว่ามูลคดีเกิดขึ้นในที่ใด ฉะนั้นในกรณีเช่นนี้จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับให้โจทก์ต้องบรรยายถึงสถานที่เกิดเหตุแห่งมูลคดีไว้ในคำฟ้องโดยเฉพาะ พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป

Share