แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
มีฝิ่นเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติฝิ่น ฯ มาตรา 53 มีมูลฝิ่นเป็นความผิดตาม มาตรา 53ทวิ เห็นได้ว่าเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายแยกเป็นคนละความผิดกันวัตถุของกลางเป็นคนละสิ่งแม้บรรยายฟ้องว่ามีไว้ในเวลาเดียวกัน ก็เป็นความผิดต่างกระทงกัน
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีฝิ่น ตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. 2472 มาตรา 53 ที่แก้ไข อันเป็นบทหนักจำคุก8 เดือน ฐานมีกล้องสูบฝิ่นปรับ 200 บาท โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาที่จะวินิจฉัยว่าความผิดฐานมีฝิ่นและมีมูลฝิ่นเป็นความผิดกระทงเดียวหรือหลายกระทง เห็นว่า เดิมพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. 2472 มีบัญญัติเกี่ยวกับการมีฝิ่นและมูลฝิ่นไว้ในมาตราเดียวกัน คือ มาตรา 53 ต่อมามีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามพระราชบัญญัติฝิ่น (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2502 บัญญัติแยกไว้คนละมาตราเป็นคนละฐานความผิด คือฐานมีฝิ่น ผิดมาตรา 53 ฐานมีมูลฝิ่นและเสพฝิ่นหรือมูลฝิ่นตามมาตรา 53 ทวิ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการแยกการมีฝิ่นและมูลฝิ่นไว้คนละความผิดกัน คดีนี้แม้โจทก์บรรยายฟ้องมาว่าจำเลยมีฝิ่นและมูลฝิ่นในเวลาเดียวกัน แต่วัตถุของกลางที่มีไว้เป็นคนละสิ่งเป็นความผิดแตกต่างกันและแต่ละสิ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดไว้ การกระทำของจำเลยจึงแยกได้เป็น 2 กระทง คือฐานมีฝิ่นกระทงหนึ่ง กับฐานมีมูลฝิ่นอีกกระทงหนึ่ง ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติฝิ่นพ.ศ. 2472 มาตรา 53 ทวิ พระราชบัญญัติฝิ่น (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2502มาตรา 6 ฐานมีมูลฝิ่นอีกกระทงหนึ่ง จำคุก 6 เดือน รวมโทษฐานมีฝิ่นและกล้องสูบฝิ่นตามที่ศาลล่างกำหนดด้วยแล้วเป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือนปรับ 300 บาท เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92เป็นจำคุก 2 ปี ปรับ 300 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี ปรับ 150 บาท นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”