แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ระหว่างพิจารณาหลังจากสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ศาลเรียกพยานมาสืบเองอีกได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ฎีกาของจำเลยข้อ 6 ก. และ ข. ที่ว่าหลังจากสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้ว ศาลชั้นต้นเรียกนายสัญญาและนายโอวาทพยานมาสืบเองเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณานั้น เป็นปัญหากฎหมายให้รับฎีกาจำเลยเฉพาะข้อนี้ไว้พิจารณา นอกนั้นเป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่าการแถลงการณ์ด้วยวาจาไม่จำเป็นแก่คดี จึงให้งด สำหรับปัญหาที่ว่าศาลชั้นต้นเรียกพยานบุคคลสืบเองภายหลังจากสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้ว เป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือไม่นั้น เห็นว่าตามมาตรา 228แห่งบทกฎหมายดังกล่าวบัญญัติไว้ว่า “ระหว่างพิจารณาโดยพลการหรือคู่ความฝ่ายใดร้องขอ ศาลมีอำนาจสืบพยานเพิ่มเติม จะสืบเองหรือส่งประเด็นก็ได้” ฉะนั้นศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจเรียกพยานบุคคลมาสืบเองได้และเหตุที่ศาลชั้นต้นเรียกนายสัญญากับนายโอวาทมาเป็นพยาน ก็เป็นเพราะจำเลยนำสืบในทำนองปรักปรำโจทก์และผู้เสียหายว่าใช้อิทธิพลในการดำเนินคดีนี้ศาลชั้นต้นต้องการทราบว่าความจริงเป็นประการใด จึงถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้ให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย มิใช่เป็นการถามพยานเพื่อเพิ่มเติมพยานโจทก์ที่บกพร่องตามที่จำเลยฎีกา”
พิพากษายืน