แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อมีคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับเขตที่ดินของโจทก์จำเลยและคู่ความตกลงกันให้แก้แผนที่หลังโฉนด ศาลได้จดข้อตกลงไว้ในรายงานพิจารณา และแจ้งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินแล้วโจทก์จะกลับมาขอถอนการแสดงเจตนานั้นโดยอ้างว่าโจทก์เข้าใจผิด หาได้ไม่ ไม่มีเหตุผลพอให้ถือได้ว่าเข้าใจผิด เพราะเป็นข้อความชัดแจ้งและเป็นการยอมให้แก้ไขแผนที่หลังโฉนดให้ตรงกับเขตที่ดินที่ศาลฎีกาได้ชี้ขาดในคดีนั้นนั่นเอง
โจทก์ขอมาในฎีกาให้ศาลฎีกาอธิบายเขตที่ดินอีก เมื่อปรากฏว่าศาลฎีกาได้กล่าวในคำพิพากษาฎีกาฉบับก่อนชัดแจ้งอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรอีก
ย่อยาว
กรณีนี้เป็นเรื่องชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งเดิมโจทก์ได้ฟ้องจำเลยรายเดียวกันเป็น 2 สำนวน ศาลพิจารณาพิพากษาคดี 2 สำนวนนี้รวมกัน และได้มีการทำแผนที่วิวาท ศาลฎีกาได้พิพากษาโดยคำพิพากษาฎีกาที่ 1588/2497 ว่า เขตติดต่อระหว่างที่ดินของโจทก์จำเลยนั้น วัดจากหลักเขตที่ 69400 ลากเส้นตรงลงมาทางใต้จนถึงหลัก ล ม ที่ศาลฎีกาได้กากะบาดสีแดงไว้ คือ โจทก์จำเลยมีที่ตามโฉนดด้านกว้างริมแม่น้ำฝ่ายละ 1 เส้น
ศาลชั้นต้นได้แจ้งคำพิพากษาศาลฎีกาไปยังนายทะเบียนที่ดินจังหวัดสมุทรสงคราม และว่าคู่ความตกลงกันขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดและปักหลักเขตที่พิพาทตามที่ศาลฎีกาชี้ขาดเจ้าพนักงานที่ดินแจ้งขัดข้องมาว่า การดำเนินการในเรื่องนี้จำต้องดำเนินการแก้ไขรูปแผนที่ในที่ดินทั้งสองโฉนดด้วย จะเพียงแต่ขอให้ไปปักหลักอย่างเดียวไม่ได้ เป็นการขัดกับหลักการในเรื่องเขตโฉนดที่ดิน หากแนวเขตที่ครอบครองเปลี่ยนแปลงไปจากรูปแผนที่หลังโฉนดเดิมจะเป็นโดยการครอบครองหรือศาลพิพากษาก็ตาม จะไปทำการปักหลักเขตหลักใดหลักหนึ่งแต่หลักเดียวโดยไม่แก้รูปแผนที่นั้นเป็นเรื่องที่ทางสำนักงานจำต้องขัดข้อง เพราะถ้าทำดังนี้แล้วโฉนดที่ดินยอมไม่เป็นหลักที่จะเชื่อถือได้
ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2498 ว่าคู่ความตกลงกันต้องการให้เจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาและยอมให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการแก้แผนที่หลังโฉนดเพื่อให้ถูกต้องตรงกับการรังวัดใหม่และคำพิพากษาศาลฎีกา
ศาลชั้นต้นแจ้งข้อตกลงนี้ไปยังเจ้าพนักงานที่ดินพร้อมทั้งคัดสำเนาคำพิพากษา ศาลฎีกาส่งไปด้วย
ต่อมานายย้อยโจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ 13 ธันวาคม 2498 ว่าถ้อยคำบันทึกยอมให้แก้แผนที่หลังโฉนดนั้น เข้าใจผิด ไม่ได้ตั้งใจเจตนาจะให้แก้แผนที่หลังโฉนดเพราะที่ดินโฉนดของโจทก์จำเลยรายนี้โจทก์ได้ซื้อมาจากจำเลย ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่หอทะเบียนแล้ว และจำเลยยังได้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปสอบเขตก็รับกันว่าถูกต้องได้ครอบครองมา ถ้าจะให้แก้แล้ว โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีกลับจะต้องยกที่ดินในโฉนดให้จำเลย จึงขอถอนคำแถลงตามรายงานเฉพาะที่ให้แก้แผนที่หลังโฉนดของโจทก์ที่เข้าใจผิดไม่ตรงกับความตั้งใจนั้นเสียส่วนศาลจะสั่งให้เจ้าพนักงานหอทะเบียนรังวัดตามคำพิพากษาฎีกาอย่างไรนั้นไม่ขัดข้อง แต่โจทก์ขอสงวนสิทธิ ถ้ารังวัดรุกล้ำกินเข้าไปในโฉนดที่ดินของโจทก์เกิดเสียหายขึ้นก็จะดำเนินคดีต่อไปศาลชั้นต้นสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์ โดยให้เหตุผลว่า ที่โจทก์อ้างว่าโง่เขลาไม่เข้าใจนั้น เป็นไปไม่ได้ การแก้แผนที่หลังโฉนดก็เพื่อให้เป็นไปตามที่ศาลฎีกาให้รังวัดแบ่งเขตที่ดินของคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษานั่นเอง โจทก์จะมาร้องขอให้เพิกถอนรายงานพิจารณาที่โจทก์และจำเลยตกลงยอมตามนั้นแล้วไม่ได้ ทั้งจำเลยก็แถลงคัดค้าน ถ้าศาลย่อมให้เพิกถอนสิ่งที่คู่ความตกลงยอมกระทำไปแล้วได้เรื่อย คดีนี้เป็นอันไม่ต้องจบสิ้นกัน
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งสองฎีกาขอให้โจทก์ถอนข้อความที่เข้าใจผิดยอมให้แก้แผนที่หลังโฉนดนั้นเสีย และขอให้อธิบายเขตที่ดินให้แจ่มแจ้งเกี่ยวกับการบังคับคดีต่อไป
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อคู่ความตกลงให้แก้แผนที่โฉนด ศาลชั้นต้นแจ้งความตกลงไปยังเจ้าพนักงานที่ดินให้ทราบ โจทก์จะกลับมาขอถอนการแสดงเจตนาเช่นนั้นต่อศาลขาดได้ไม่ ที่โจทก์อ้างว่าโจทก์แถลงต่อศาลโดยเข้าใจผิดนั้น ไม่มีเหตุผลให้ถือได้ว่าเข้าใจผิดเพราะข้อความชัดแจ้งและเป็นการยอมให้แก้ไขแผนที่หลังโฉนดให้ตรงกับเขตที่ศาลฎีกาได้ชี้ขาดในคดีนั่นเอง หาใช่แก้ไขให้ผิดไปจากคำชี้ขาดของศาลฎีกาไม่ คำชี้ขาดของศาลฎีกาในเรื่องเขตโฉนดติดต่อกันนี้ ย่อมเด็ดขาดผูกพันโจทก์จำเลย ที่โจทก์ขอมาในฎีกาให้ศาลฎีกาอธิบายเขตที่ดินอีกนั้น ศาลฎีกาได้กล่าวในคำพิพากษาฎีกาฉบับก่อนชัดแจ้งอยู่แล้ว
พิพากษายืนในผลที่ให้ยกคำร้องโจทก์