แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ชายและหญิงทำพิธีแต่งงานและอยู่กินร่วมกันฉันสามีภรรยามาเป็นเวลา 6 เดือน และเป็นความประสงค์ของทั้งสองฝ่ายที่ไม่ต้องการจดทะเบียนสมรส ชายจะอ้างว่าหญิงผิดสัญญาเพราะเหตุไม่ยอมจดทะเบียนสมรสนั้นไม่ได้
เงินของขวัญและสิ่งของของขวัญที่ชายหญิงได้รับในวันแต่งงานชายหญิงนั้นย่อมเป็นเจ้าของร่วมกัน เมื่อชายหญิงได้เอาเงินของขวัญใช้จ่ายร่วมกันเป็นค่าเลี้ยงแขกในวันแต่งงานหมดแล้ว ชายจะมาฟ้องเรียกเอาส่วนครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินของขวัญนั้นไม่ได้ ส่วนสิ่งของของขวัญ เมื่อได้ความว่าอยู่กับหญิงเช่นนี้ ชายยอมฟ้องเรียกเอาครึ่งหนึ่งได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นบุตรของจำเลยที่ 2-3 บิดามารดาโจทก์ได้ไปสู่ขอจำเลยที่ 1 ต่อจำเลยที่ 2-3 เพื่อให้จำเลยที่ 1 สมรสกับโจทก์ จำเลยทั้งสองยินยอม เมื่อได้ทำพิธีแต่งงานและอยู่กินกันอย่างสามีภรรยาแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ยอมจดทะเบียนสมรส จำเลยที่ 2-3 ก็หาเหตุกีดกันไม่ยอมให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนสมรส โจทก์ถือว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมสมรสกับโจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยคืนสินสอด 3,000 บาท ทองหมั้นหนัก 5 บาทราคา 2,500 บาทกับเงินหมั้น 500 บาท หากคืนของไม่ได้ก็ให้ใช้ราคา 2,500 บาท กับให้จำเลยแบ่งเงินของขวัญวันแต่งงานให้ครึ่งหนึ่ง 1,225.50 บาท และแบ่งสิ่งของขวัญให้ครึ่งหนึ่ง หากแบ่งไม่ได้ให้ชำระราคา 360 บาทและดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินและของหมั้นคืน เพราะจำเลยมิได้ผิดสัญญา เงินสินสอดก็เรียกคืนไม่ได้เพราะการสมรสได้เกิดขึ้นแล้ว เงินและของขวัญซึ่งได้จากแขกในงานเลี้ยงจำเลยย่อมมีสิทธิในเงินและของขวัญเฉพาะเงิน ได้จ่ายในงานเลี้ยงหมดสิ้นแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การสมรสจะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้จดทะเบียนสมรสแล้ว โจทก์และจำเลยที่ 1 แต่งงานโดยไม่ยอมจดทะเบียนสมรสการสมรสจึงไม่สมบูรณ์ แม้จะได้มีพิธีแต่งงานตามประเพณีแล้วก็ตามฝ่ายจำเลยต้องรับผิด พิพากษาให้จำเลยที่ 1-2-3 คืนของหมั้นเงิน 500 บาท ทองหนัก 5 บาทราคา 2,500 บาท สินสอด 3,000 บาทให้แก่โจทก์ ส่วนเงินของขวัญได้ใช้จ่ายเป็นค่าเลี้ยงแขกหมดแล้วเรียกคืนไม่ได้ และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีในจำนวนเงินที่โจทก์จะได้รับ
โจทก์และจำเลยทุกคนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าในวันแต่งงาน มีการเชิญแขกมาในงานเงินของขวัญและสิ่งของของขวัญที่ได้รับจากแขกนี้ โจทก์และจำเลยที่ 1ย่อมเป็นเจ้าของร่วมกัน แต่เงินของขวัญได้จ่ายร่วมกันในระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นค่าเลี้ยงแขกในวันแต่งงานหมดแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาในข้อเงินของขวัญชอบแล้ว ส่วนสิ่งของของขวัญมีราคา 800 บาทมีอยู่ที่จำเลยที่ 1 จริง แต่โจทก์ขอสิ่งของของขวัญเพียงครึ่งหนึ่งเป็นเงิน 360 บาท จึงต้องให้เท่าที่โจทก์ขอ พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 แบ่งสิ่งของของขวัญให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง ถ้าแบ่งไม่ได้ ให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 360 บาทกับดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีให้โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้อยู่กินร่วมกันฉันสามีภรรยามาเป็นเวลา 6 เดือน และเป็นความประสงค์ของทั้งสองฝ่ายที่ไม่ต้องการจดทะเบียนสมรส จะว่าฝ่ายจำเลยผิดสัญญาเพราะเหตุที่ไม่จดทะเบียนสมรสยังไม่ได้ เมื่อเช่นนี้ โจทก์จะเรียกค่าหมั้นและสินสอดคืนไม่ได้ ส่วนค่าของขวัญที่มีผู้ให้ในการแต่งงานนั้น ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยต่างเป็นเจ้าของร่วมและพิพากษามาชอบด้วยเหตุผลแล้ว พิพากษายืน