คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในชั้นต้นจำเลยที่ 1 ตั้งใจเพียงจะเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 2-3 ก็ดี แต่เมื่อโจทก์ต้องการให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ด้วย จำเลยที่ 1 ก็ยินยอมและได้ลงชื่อในหนังสือสัญญากู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 แล้ว ก็เท่ากับจำเลยที่ 1 ได้สละความตั้งใจเดิมและยอมเป็นผู้กู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในฐานเป็นผู้กู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามกับนายจันแดงกู้เงินโจทก์ไป 19,200 บาทตามสัญญากู้ท้ายฟ้อง ต่อมานายจันแดงใช้ให้โจทก์ 12,600 บาท โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินที่ค้างพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นเพียงผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 2-3 แต่โจทก์ให้จำเลยที่ 1 ลงชื่อในสัญญาในช่องผู้กู้จำเลยที่ 2-3 กับนายจันแดงซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วชำระเงินกู้ให้โจทก์เสร็จสิ้นแล้ว

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้กู้ เป็นเพียงผู้ค้ำประกันแต่ลงชื่อเป็นผู้กู้ด้วย จำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่ลูกหนี้เงินกู้ของโจทก์ จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันแต่โจทก์ไม่ได้ตั้งประเด็นเช่นนั้นและฟังว่าจำเลยที่ 2-3 ยังไม่ได้ชำระเงินที่ค้างให้โจทก์ พิพากษาให้จำเลยที่ 2-3 ชำระเงินให้โจทก์ 11,550 บาท กับดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมค่าทนายแทนโจทก์ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1

โจทก์และจำเลยที่ 2-3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้ชั้นแรกจำเลยที่ 1 ตั้งใจเพียงเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยอื่นก็ดี แต่แล้วจำเลยที่ 1 ได้ลงชื่อเป็นผู้กู้โดยความสมัครใจ มิได้มีใครบังคับขืนใจ ก็เรียกว่าจำเลยที่ 1 ได้ยอมเป็นผู้กู้ด้วย และฟังว่าจำเลยที่ 2-3 ยังไม่ได้ชำระเงินกู้ที่ค้างให้โจทก์ พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2-3 ชำระหนี้รายนี้ให้โจทก์ จำเลยทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ชั้นต้นจำเลยที่ 1 ตั้งใจเพียงจะเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 2-3 และนายจันแดงก็ดี แต่เมื่อโจทก์ต้องการให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ด้วย จำเลยที่ 1 ก็ยินยอมและได้ลงชื่อในสัญญาในฐานเป็นผู้กู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 และนายจันแดงแล้วก็เท่ากับจำเลยที่ 2-3 ได้สละความตั้งใจเดิมและย่อมเป็นผู้กู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 และนายจันแดง จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในฐานเป็นผู้กู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 และนายจันแดงด้วย และฟังว่าจำเลยที่ 2-3 ได้กู้เงินโจทก์ไปแล้วและยังไม่ได้ชำระส่วนที่ยังค้างอยู่จริง พิพากษายืน

Share