คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อมีการยึดทรัพย์ ประกาศขายทอดตลาดและร้องขัดทรัพย์ไว้ก่อนจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย ระหว่างนัดไต่สวนสืบพยานผู้ร้อง จึงปรากฏว่าจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด กรณีเช่นนี้ ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะไต่สวนและมีคำสั่งไปได้ ผู้ร้องไม่ต้องไปร้องขัดทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์ ต่อมาจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระเงิน โจทก์จึงนำยึดทรัพย์ของจำเลยและกองหมายให้ประกาศขายทอดตลาด ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่าทรัพย์ที่ถูกยึดนั้นเป็นของผู้ร้อง ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องนำสืบก่อน ก่อนวันสืบพยานผู้ร้อง โจทก์แถลงต่อศาลว่าจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ขอให้ไปว่ากล่าวกันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลชั้นต้นสั่งให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปและแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ โจทก์ยื่นคำร้องให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ให้ไต่สวนนั้นเสีย โดยให้ผู้ร้องไปร้องคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลสั่งยกคำร้อง โจทก์ยื่นคำคัดค้านคำสั่งศาลในเรื่องนี้ ศาลไต่สวนพยานผู้ร้องและโจทก์แล้วเชื่อว่า ทรัพย์ตามบัญชีท้ายคำร้องเป็นของผู้ร้อง จึงมีคำสั่งให้ปล่อยทรัพย์

โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจไต่สวนคำร้องขัดทรัพย์รายนี้ และจำเลยเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาท

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ได้มีการยึดทรัพย์ ประกาศขายทอดตลาดและร้องขัดทรัพย์ก่อนจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายระหว่างนัดไต่สวนสืบพยาน ผู้ร้องจึงปรากฏว่าจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ผู้ร้องจึงไม่ต้องไปร้องขัดทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะไต่สวนและมีคำสั่งในสำนวนร้องขัดทรัพย์นี้ได้ การพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นไม่ผิดระเบียบในเรื่องขัดทรัพย์ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเป็นทรัพย์ของผู้ร้อง

จึงพร้อมกันพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาโจทก์และให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาสามร้อยบาทแก่ผู้ร้อง

Share