คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับประกันพลอยของโจทก์ซึ่งประสงค์จะส่งไปยังธนาคาร น. เพื่อส่งต่อ และเรียกเก็บเงินจากห้าง จ. โดยโจทก์ได้ส่งพลอยนั้นทางพัสดุไปรษณีย์ในวันเดียวกันนั้น ปรากฏว่าไปรษณีย์ส่งพลอยนั้นให้แก่ห้างจ. โดยตรง ไม่ส่งให้ธนาคารดังที่โจทก์จ่าหน้า ขอให้จำเลยใช้เงินตามมูลค่าแห่งกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยให้การว่าโจทก์ขอประกันภัยต่อจำเลยโดยระบุนามผู้รับไปรษณีย์ภัณฑ์ที่ 2357 ว่าบริษัท จ. พัสดุภัณฑ์นี้ได้ส่งไปถึงบริษัท จ. ผู้รับถูกต้องแล้ว และโจทก์แปลคำว่า NON-DELIVERY ในสัญญากรมธรรม์ผิด ที่ถูกต้องแปลว่า “ไม่มีการส่งของ” ไม่ใช่ส่งไม่ถึงที่หรือส่งผิด แม้ส่งผิดจำเลยก็ไม่ต้องรับผิด บริษัท จ. ก็ได้ยืนยันมายังโจทก์ว่าได้รับไปรษณีย์ภัณฑ์นั้นแล้ว โจทก์จะมาฟ้องให้จำเลยใช้หนี้แทนลูกหนี้ของโจทก์ไม่ได้ดังนี้ ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่าพัสดุภัณฑ์ที่โจทก์ส่งไปนั้นจ่าหน้าถึงใครเป็นผู้รับกันแน่ คู่ความยังโต้แย้งกันอยู่ และต่างมีเอกสารหลักฐานมาสนับสนุนข้ออ้างของตน และยังโต้เถียงการแปลคำว่า NON-DELIVERY ในกรมธรรม์กันด้วย ต่างยังมิได้รับรองเอกสารหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อสืบพยานโจทก์ได้เพียงคนเดียวแล้วศาลจะสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปแล้วฟังว่าไปรษณีย์ส่งพัสดุภัณฑ์นั้นให้บริษัท จ. ผิดไปจากจ่าหน้า แต่บริษัท จ. ได้แจ้งมายังโจทก์ว่าได้รับของแล้ว ชอบที่โจทก์จะเรียกร้องเอาแก่บริษัท จ. ผู้ซื้อโดยตรงให้ชำระราคาได้ก็ดี ศาลแปลคำว่า NON-DELIVERY ดังที่จำเลยให้การ แล้วเห็นว่าเมื่อของนี้ได้ส่งถึงมือผู้ซื้อแล้ว ความรับผิดของจำเลยจึงหมดไปก็ดี หรือฟังว่าในกรมธรรม์ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งและหลักฐานเท่าที่มีในสำนวนก็ไม่มีว่าจำเลยทราบหรือมีข้อตกลงกันว่าจะต้องส่งพัสดุภัณฑ์นั้นแก่ธนาคารน. จึงพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีก็ดี ดังนี้ ยังไม่เป็นการที่ชอบ สมควรฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความเสียก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นบริษัทจำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่ฮ่องกงและจดทะเบียนประกอบธุรกิจประกันภัย ณ กระทรวงเศรษฐการจำเลยได้รับประกันพลอยของโจทก์ซึ่งประสงค์จะส่งไปยังธนาคารแนทเธอร์แลนด์ เพื่อส่งต่อและเรียกเก็บเงินจากห้างเยมส์แอนด์จีเลส์ณ เมื่อฮ่องกงมีมูลค่าประกันภัย40,000 เหรียญ ทั้งนี้โดยโจทก์ได้ส่งพลอยดังกล่าวทางพัสดุไปรษณีย์ ณ ไปรษณีย์กลางในวันเดียวกันนั้นแล้ว จำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดหากพัสดุไม่ถึงผู้รับ ตามรูปถ่ายกรมธรรม์ประกันภัยและเงื่อนไขในการส่งพัสดุไปรษณีย์พร้อมด้วยคำแปลท้ายฟ้อง ในการส่งสินค้าดังกล่าวปรากฏว่าทางการไปรษณีย์ฮ่องกงได้ส่งให้แก่ผู้ซื้อ คือ ห้างเยมส์แอนด์จีเวลส์โดยตรง ไม่ส่งให้ธนาคารี่ระบุในจ่าหน้า จำเลยจึงต้องรับผิดใข้ค่าสินไหมทดแทนตามมูลค่าแห่งกรมธรรม์ให้โจทก์ ขอให้จำเลยใช้เงิน 40,000 เหรียญ ซึ่งคิดเป็นเงินไทย 147,200 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์ยื่นคำขอประกันภัยโดยระบุบริษัทเจ็มส์แอนด์จิวเวลส์เป็นผู้รับไปรษณียภัณฑ์เลขที่ 2457 ไม่เคยบอกหรือระบุว่าจะส่งไปยังธนาคารแนทเธอร์แลนด์ และพัสดุภัณฑ์นี้ได้ส่งไปถึงบริษัทเจ็มส์ ฯ ถูกต้องแล้ว คำแปลสัญญากรมธรรม์คำว่า ที่แปลว่า”การที่ของไม่ส่งถึงที่” นั้นผิดต้องแปลว่า “ไม่มีการส่งของ” และเมื่อส่งของถึงผู้ซื้อแล้ว แม้จะส่งผิด จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดบริษัทเจ็มส์แอนด์จิวเวลส์ก็ยืนยันมายังโจทก์ว่า ได้รับไปรษณียภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว และพร้อมที่จะชำระเงินหากโจทก์ได้รับเงินแล้วก็ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยถ้าไม่ยอมรับหรือไม่ติดตามทวงถาม ก็เป็นความผิดของโจทก์เอง หรือมิฉะนั้นก็สมคบกันโกงจำเลย จะมาฟ้องให้จำเลยใช้หนี้แทนลูกหนี้ของโจทก์ไม่ได้ ฯลฯ

ศาลชั้นต้นสืบนายบั๊กเซี้ย แซ่เบ๊ ได้ 1 คน เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วฟังว่า พัสดุภัณฑ์ของโจทก์จ่าหน้าถึงธนาคารแนทเธอร์แลนด์ที่ฮ่องกงเพื่อแจ้งแก่บริษัทเยมส์แอนด์จีเวลส์ แต่ไปรษณีย์ฮ่องกงส่งผิดโดยส่งให้บริษัทเยมส์แอนด์จีเวลส์เลย บริษัทนั้นแจ้งมายังโจทก์ว่าได้รับของแล้วชอบที่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาแก่บริษัทเยมส์ ฯ ผู้ซื้อโดยตรงได้ แต่โจทก์ไม่ทำก็เป็นความผิดของโจทก์เอง และแปลว่า ไม่มีการส่งมอบของดังที่จำเลยให้การ ปรากฏว่าของนี้ได้ส่งถึงมือผู้ซื้อแล้ว ความรับผิดของผู้รับประกันภัยจึงหมดไป ไม่ต้องขอใช้ให้โจทก์ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาสำคัญที่ว่า พัสดุภัณฑ์ที่โจทก์ส่งและเอาประกันไว้ตามใบรับเลขที่ 2357 นั้น จ่าหน้าถึงใครเป็นผู้รับที่ฮ่องกง โจทก์อ้างว่าจ่าหน้าถึงธนาคารแนทเธอร์แลนด์ แต่จำเลยอ้างว่าจ่าหน้าถึงบริษัทเจ็มส์แอนด์จิวเวลส์โต้แย้งกันอยู่ ต่างมีเอกสารหลักฐานมาสนับสนุนข้ออ้างของตน และยังโต้เถียงการแปลถ้อยคำในกรมธรรม์ประกันภัยด้วย คู่ความยังมิได้รับรองเอกสารหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่งว่าถูกต้อง การที่ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปได้เพียง1 คน แล้วสั่งงดสืบพยานคู่ความเสีย และศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยประกันภัยพัสดุไปรษณีย์เลขที่ 2357 แต่ในกรมธรรม์ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้ง และหลักฐานเท่าที่มีในสำนวนก็ไม่มีว่าจำเลยทราบหรือมีข้อตกลงกันว่าจะต้องส่งพัสดุภัณฑ์นั้นแก่ธนาคารแนทเธอร์แลนด์ก่อนเพื่อส่งและเรียกเก็บเงินจากบริษัทเจ็มส์ฯ โดยคู่ความไม่มีโอกาสนำพยานเข้าสืบว่าเอกสารหลักฐานที่ตนอ้างมานั้นจะรับฟังได้เพียงใดหรือไม่เสียก่อน แล้วพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีนั้น ศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่ชอบ สมควรจะฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความก่อน

พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่

Share